กระทรวงพาณิชย์ อ้างอิง ข้อมูลจากบริษัทสำรวจทางการตลาดระดับโลก Euromonitor International มีการรายงานมูลค่า “ตลาดกาแฟไทย” ซึ่งพบว่า กาแฟ เป็นสินค้าที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา มูลค่าของตลาดกาแฟไทย ขยายตัวถึง 7.34% หรือราว 34,470 ล้านบาท ต่อเนื่องจากการเติบโตในห้วง 3 ปีก่อนหน้า ที่ขยายตัวเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 8%
เจาะภาพรวมกาแฟไทย ปัจจุบัน ไทยแบ่งตลาดกาแฟ ออกเป็น 2 ตลาดใหญ่ๆ ได้แก่
-กาแฟสำเร็จรูป มูลค่า 28,951.3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 84%
-กาแฟสด มูลค่า 5,519.1 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 16%
อย่างไรก็ตาม แม้ สภาพอากาศร้อน ถือเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ความต้องการกาแฟเย็นจากร้านสะดวกซื้อ กาแฟสำเร็จรูปแบบ RTD (Ready To Drink) และกาแฟบรรจุขวดพร้อมทาน เติบโตอย่างต่อเนื่อง
“กาแฟสด” เติบโตสูง ดันเมล็ดนำเข้า พุ่ง!
แต่พบว่า ตลาดกาแฟสด มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ เพิ่มสัดส่วนขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทย จากความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มวัยทำงาน ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน และกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบและดื่มด่ำกับบรรยากาศในการดื่มกาแฟสด ที่ได้เห็นความพิถีพิถันในการชงกาแฟ
ส่งผลให้ยอดนำเข้ากาแฟจากต่างประเทศของไทยแต่ละปีมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นๆ
โดยในปี 2566 ไทยมีมูลค่าการนำเข้ากาแฟ 338.42 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 12.90% แบ่งเป็นการนำเข้า
-กาแฟดิบ มูลค่า 184.76 ล้านเหรียญสหรัฐ (62,171.01 ตัน)
-กาแฟคั่ว มูลค่า 27.55 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,647.14 ตัน)
-กาแฟสำเร็จรูป มูลค่า 126.11 ล้านเหรียญสหรัฐ (15,947.11 ตัน)
โดยไทยนำเข้าเมล็ดกาแฟดิบจากเวียดนามมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ อินโดนีเซีย และ สปป.ลาว สำหรับในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค. – มี.ค.) ไทยมีมูลค่าการนำเข้ากาแฟ 76.3 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย กาแฟดิบ เป็นอันดับ 1
ไทยส่งออก กาแฟ ไปขาย กัมพูชา มากสุด
ในแง่การส่งออกนั้น จากการที่ปัจจุบัน ไทยมีผลผลิตกาแฟมากกว่าปีละ 16,000 ตัน ครอบคลุม สายพันธุ์อาราบิกา และ โรบัสตา จึงสามารถส่งออกได้ต่อเนื่อง
ซึ่ง 3 เดือนแรกของปีนี้ ไทยส่งออกไปแล้วมากกว่า 34 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดส่งออกกาแฟสำเร็จรูปอันดับหนึ่งของไทย คือ กัมพูชา รองลงมา ได้แก่ สปป.ลาว และฟิลิปปินส์
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ยังชี้ว่า ตลาดกาแฟของไทย ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งการบริโภคในประเทศ และการแปรรูปเพื่อส่งออก เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพในการแปรรูปกาแฟดิบเป็นกาแฟสำเร็จรูป ผู้ประกอบการต้องเร่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยเฉพาะ เทรนด์ผู้บริโภค ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสุขภาพและความยั่งยืนมากขึ้น
ที่มา : กระทรวงพาณิชย์
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/