“อนุชา” ทิ้งทวนลักไก่ ดันโครงการใหม่ “โคล้านครอบครัว” ให้ธนาคารปล่อยกู้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อให้สมาชิกกู้ต่อครัวเรือนละไม่เกิน 5 หมื่นบาท ปลอดดอกเบี้ย 3 ปี เพื่อซื้อแม่พันธุ์โค 2 ตัว ชี้เลี้ยง 1 ปี ได้ผลผลิตลูกโค ลั่นไม่เกิน 3 ปี ขยายพันธุ์โคได้ 6 ตัว คุยโวสร้างรายได้กว่า 150,000 บาท/ปี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยในระหว่างเป็นประธานเปิดงาน “ก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง” จัดโดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.)โดยนำสมาชิกกองทุนฯทั่วประเทศเดินทางมาร่วมงานกว่า 4,000 คน เพื่อเผยแพร่ความสำเร็จในการดำเนินงานของกองทุนฯ ตลอดระยะเวลา 20 ปีว่า การดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ จึงขอชื่นชมสมาชิกกว่า 13 ล้านคนที่ช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานในระดับพื้นที่อย่างเต็มศักยภาพจนกระทั่งเห็นผลสำเร็จ คือ ชุมชนมีรายได้เสริมหมุนเวียนในพื้นที่ ประชาชนในชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ และมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น ยืนยันว่ารัฐบาลจะช่วยผลักดันและสนับสนุนกิจกรรมของกองทุนฯ ผ่านการจัดสรรงบประมาณการดำเนินโครงการตามแนวทางสร้างเศรษฐกิจฐานราก สร้างชาติมั่นคง ส่งเสริมกองทุนฯให้เดินหน้าสู่ความเข้มแข็ง ปรับวิธีคิด เปลี่ยนวิธีการให้เท่าทันต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยรัฐบาลพร้อมให้เครื่องมือสนับสนุน เพื่อพี่น้องทุกคนอยู่ดีกินดีมีอาชีพที่มั่นคง และมีความสุขอย่างยั่งยืน
ด้านนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาปากท้องของสมาชิกกองทุนเป็นอันดับ 1 จึงได้จัดทำโครงการโคล้านครอบครัว เพื่อสร้างอาชีพให้กับสมาชิกกองทุน โดยได้จัดสรรงบประมาณและเจรจากับธนาคารเพื่อขอให้ปล่อยสินเชื่อไปยังกองทุนหมู่บ้านต่างๆ เพื่อให้สมาชิกกองทุนสามารถกู้ยืมซื้อโคแม่พันธุ์ได้ 2 ตัว/ครัวเรือน ครัวเรือนละไม่เกิน 50,000 บาท ปลอดดอกเบี้ยระยะเวลา 3 ปี ซึ่งแม่โคใช้เวลา 1 ปี สามารถให้ผลผลิตเป็นลูกโค จากนั้นลูกโคยังสามารถให้ผลผลิตได้อีกต่อเนื่อง คาดว่าภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี สามารถขยายพันธุ์โคได้เฉลี่ย 6 ตัว สร้างรายได้กว่า 150,000 บาท/ปี “ยิ่งนานวันยิ่งเพิ่ม ทวีคูณ หากเลี้ยงดูดีๆในเวลา 6 ปี อาจสร้างรายได้หลักล้านให้สมาชิก ส่วนสาเหตุที่เป็นการเลี้ยงโคนั้น เนื่องจากโคเป็นสัตว์เลี้ยงง่าย ทำได้เลย ทำได้จริง ไม่ต้องใช้ทักษะฝีมือ แต่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ”
นายอนุชากล่าวว่า การที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างยั่งยืน ต้องให้ความสำคัญกับภาคเกษตร เพราะถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นเกษตรกร ซึ่งเป็นกำลังซื้อหลักของประเทศ คนกลุ่มนี้ต้องได้รับการส่งเสริมสนับสนุน และแนะแนวทางประกอบอาชีพที่ถูกต้องเหมาะสม จึงจะส่งผลให้เศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็งนำไปสู่การสร้างชาติอย่างมั่นคงได้ ในขณะเดียวกันสมาชิกที่พร้อมก็ต้องมีการปรับตัวสู่การทำธุรกิจในยุคดิจิทัล เพื่อที่จะมีส่วนช่วยในการขยายโอกาสทางการค้า ให้สามารถสร้างรายได้เข้ากองทุนอย่างยั่งยืนได้อีกทางหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า โครงการโคล้านครอบครัวมีที่มาจากความฝันของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมสมัยเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในปี 2546 หรือเมื่อ 20 ปีก่อน ที่ต้องการทำโครงการ “โคล้านตัว”แต่ทำไม่สำเร็จ และไม่มีรัฐบาลไหนยอมทำ เนื่องจากประเทศไทยยังมีภาพจำในแง่ลบของโครงการ “โคอีสานเขียว” ที่เคยทำให้เกษตรกรมีปัญหาตั้งแต่ปี 2532-2534 จากการขาดประสบการณ์ในการเลี้ยง จนปล่อยแม่วัวผอมโซ ไม่ออกลูก จนเรียกขานกันว่า “โคพลาสติก” จากนั้นเกษตกรกลับกลายเป็นมีหนี้สินเพิ่มพูน อย่างไรก็ตาม ในรัฐบาลชุดนี้ นายสมศักดิ์ในฐานะแกนนำกลุ่มสามมิตร ภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่นายอนุชาสังกัดอยู่ จึงผลักดันโครงการนี้ผ่านทางนายอนุชา เพื่อทำโครงการนี้ผ่านทางกองทุนหมู่บ้านแทนฯ.
