นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 พ.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ครั้งแรก หลังจากนายกรัฐมนตรีได้ดำริที่จะมีการประชุมเกี่ยวกับเศรษฐกิจ เพื่อปรึกษาหารือและหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง หลังจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาสแรกโตเพียง 1.5% เท่านั้น ถึงแม้จะเติบโตสูงกว่าที่ประมาณการไว้ แต่ยังต่ำสุดเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน เพราะฉะนั้น จึงต้องหารือ ประเมินสภาพเศรษฐกิจ เพื่อออกมาตรการต่างๆมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมแบ่งหน้าที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ
“ในส่วนของกระทรวงการคลัง ก็มีการทำการบ้านไว้แล้วเช่นกัน และพร้อมที่จะนำเสนอใน ครม.เศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าทุกๆหน่วยงานก็เตรียมพร้อมเช่นกัน แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ เนื่องจาก ครม.เศรษฐกิจเป็นการหารือร่วมกัน จากนั้นต้องนำเสนอ ครม.ชุดใหม่ เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป”
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 1 ปี 67 ได้รับผลจากภาคการส่งออก และภาคอุตสาหกรรมที่หดตัว รวมทั้งงบประมาณปี 67 ที่ออกมาล่าช้า แต่สิ่งที่ช่วยพยุงอยู่ก็คือ ภาคการบริการ การท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี เชื่อว่าตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ปี 67 จะดีกว่า เพราะมีเรื่องของเทศกาลมหาสงกรานต์ที่รัฐบาลกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างเต็มกำลัง
ส่วนงบลงทุนภาครัฐหดตัวนั้น เนื่องจากงบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้เมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา แม้จะยังไม่ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ แต่เชื่อว่าในช่วงปลายปีจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจแน่นอน ซึ่งกรมบัญชีกลางได้มีมาตรการให้หน่วยงานรัฐเตรียมการจัดซื้อจัดจ้างไว้ล่วงหน้า และขณะนี้ผลการเบิกจ่ายอยู่ในระดับที่ดีมากด้วย เชื่อว่าเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจไทย มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจแน่นอน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ไปรวบรวมข้อมูลด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาหารือในการประชุม ครม.เศรษฐกิจ วันที่ 27 พ.ค.นี้ โดยจะมีการหาข้อมูลอย่างรอบด้าน ทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัว แต่จะมีมาตรการอะไรออกมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลค่าครองชีพในประเทศ หรือการเพิ่มเป้าหมายส่งออกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะต้องหารือกันในวง ครม.เศรษฐกิจ เพื่อให้เห็นภาพรวมก่อน ถึงจะระบุได้ว่าจะมีมาตรการอะไรออกมา.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/
