นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้นำผู้ประกอบการกลุ่มสินค้า BCG ที่ทำธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ทั้งอาหารแปรรูป เครื่องดื่ม และสินค้าไลฟ์สไตล์ 20 ราย ที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการ “ส่งเสริมเกษตรกร ผู้ประกอบการไทย เร่งต่อยอดใช้ประโยชน์ FTA” ปีที่ 2 เข้าร่วมการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจออนไลน์ โดยมีผู้นำเข้า จากประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) คือ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ รวมถึงผู้แทนจากห้างโมเดิร์นเทรดชั้นนำของไทย อาทิ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, ท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ทีวี ไดเรกต์, บิ๊กซี และอาลีบาบา เข้าร่วมกิจกรรมด้วย
“กิจกรรมครั้งนี้จะเกิดการจับคู่ธุรกิจกว่า 50 คู่ โดยมีกลุ่มสินค้าได้รับความสนใจสั่งซื้อ เช่น กล้วยป๊อบ ขิงแปรรูป น้ำหวานดอกมะพร้าวสควิซ น้ำมันมะพร้าว ผลไม้แช่เยือกแข็ง ผักแผ่นอบกรอบ ว่านหางจระเข้อบแห้ง ซอสมะม่วง สมุนไพรกระตุ้นน้ำนม กาแฟคั่ว และเครื่องดื่มผสมกระชาย คาดว่าจะเกิดมูลค่าการสั่งซื้อกว่า 55 ล้านบาท”
โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยในกลุ่มสินค้า BCG ได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่เน้นการค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บนพื้นฐานเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว รวมทั้งพัฒนาศักยภาพการผลิต ต่อยอดผลิตภัณฑ์ เรียนรู้ช่องทางการตลาด ปรับตัวตามกระแสนิยมของตลาดโลก และใช้ประโยชน์จาก FTA เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดการค้าเสรี ซึ่งคู่ค้าได้ยกเว้นหรือลดภาษีนำเข้าให้กับสินค้าส่วนใหญ่จากไทยแล้ว ในช่วงครึ่งแรกปี 66 ไทยส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปไปตลาดคู่ FTA มูลค่า 8,232 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 4% จากปีก่อนหน้า สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้กระป๋องและแปรรูป สิ่งปรุงรสอาหาร และน้ำผลไม้ ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/