พบแล้ว หนุ่มเยอรมันกระโดดผา พบร่างติดกลางหน้าผาชั้นล่าง ร่วงลงมา 50 เมตร เสียชีวิต ขณะที่ จนท.อุทยานฯ เล่านาทีเข้าเกลี้ยกล่อมจนยอม แต่หลังรับสายโทรศัพท์แล้วเกิดเปลี่ยนใจก่อนดิ่งชีพต่อหน้า พร้อมกล่าว I sorry
จากกรณี นายเควิน ลอ นทท.หนุ่มชาวเยอรมัน วัย 30 ปี แชตบอกแม่จะฆ่าตัวตาย แล้วกระโดดหน้าผาที่เขาหงอนนาค จุดชมวิวชื่อดังของกระบี่ จนม.ต้องระดมทีมค้นหาร่างกลางป่า ตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 22 ม.ค. ทีมโรยตัวค้นหาตามหน้าผา แจ้งให้ชุดค้นหาทราบว่าพบร่าง นายเควิน แล้ว ร่างติดค้างอยู่บริเวณชั้นหน้าผา ต่ำลงมาจากจุดตกประมาณ 50 เมตร โดยทีมค้นหาต้องขนย้ายร่างออกมาจากจุดเกิดเหตุอย่างทุลักทุเล เนื่องจากพื้นที่พบศพอยู่ในป่ารกทึบ สภาพค่อนข้างชันและมืด โดยใช้เวลาตั้งแต่เริ่มค้นหา จนพบศพ กินเวลาร่วม 10 ชม. ซึ่งต้องรอให้ทาง จนท.นำศพออกมาก่อน จึงจะส่งไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง
ด้าน นายฑีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หน.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราฯ เผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว จนท.ร้บแจ้งจากแม่ผู้ตายตั้งแต่เวลา 15.30 น. ว่าลูกชายชื่อ Mr. Loo Kevin Andre จะฆ่าตัวตาย เพราะมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เพิ่งออกจาก รพ.ไม่นาน จึงตรวจเช็คสมุดลงชื่อ นทท.ที่เข้าไปเดินป่าดังกล่าว พบชื่อลงไว้เมื่อเวลา 11.12 น. กระทั่ง 16.30 น. จึงทำการติดต่อนายเควิน ทางโทรศัพท์ แต่เจ้าตัวแจ้ง จนท.ออกกลับมาแล้ว แต่ลืมลงเวลาออก โดยบอกว่าอยู่ที่ทะเล พร้อมส่งภาพถ่ายทะเลมาให้กับ จนท. แต่ จนท.ไม่ปักใจเชื่อจึงสอบถาม นทท.คนอื่นที่กลับลงมา ก็มีคนพบยังอยู่บนยอดเขา จึงขึ้นไปหาจนพบตัว ก่อนจะพูดคุยเกลี้ยกล่อมจนยอมเดินลงมาพร้อม จนท. จนช่วง 18.30 น. แวะนั่งพักระหว่างเดินกลับลงมา พร้อมกับคุยโทรศัพท์ หลังวางสายโทรศัพท์ นายเควิน หันมาพูดขอโทษ จนท.ก่อนจะวิ่งกระโดดลงหน้าผา เป็นเหตุสุดวิสัยที่ จนท.จะควบคุมหรือยับยั้งไว้ได้ หลังเกิดเหตุจึงประสานทีมค้นหามาช่วยกันจนพบเป็นศพดังกล่าว
ล่าสุดเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 22 ม.ค. 66 จนท.หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พพ.4 (ทับแขก) พร้อมกู้ภัยมูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชา ประสานให้ ร.ต.อ.ฐิติกร ปานทับทิมทอง รอง สว.(สอบสวน) สภ.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ พร้อมแพทย์นิติเวช รพ.กระบี่ เข้าชันสูตรศพนายเควิน ลอ ติดค้างอยู่บนชะง่อนผาสูง โดยระยะจากจุดกระโดดลงมาถึงจุดพบศพลึกลงมา 50 เมตร จากจุดพบศพลงมาถึงพื้นอีก 20 เมตร ทำให้การนำศพลงมาค่อนข้างยากลำบาก ต้องใช้ทีมกู้ภัยที่สูง ของมูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชา ซึ่งมีความชำนาญในการปีนหน้าผา พร้อมทีมค้นหาภาคพื้นดิน ค่อยๆ หย่อนร่างลงมา ใช้เวลานานหลาย ชม. จึงลงมาถึงพื้นด้านล่าง จากนั้นต้องช่วยกันหามร่างออกมาจากเชิงเขาอีกร่วม 3 ชม. รวมระยะเวลาปฏิบัติการตั้งแต่ค้นหาจนกระทั่งนำร่างออกมาได้สำเร็จนานกว่า 13 ชม.
จนท.ชันสูตรศพผู้ตาย ยังพบโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ตัว 1 เครื่อง ที่ตามลำตัวมีบาดแผลถลอกหลายจุด แต่จุดที่คาดว่าทำให้เสียชีวิต น่าจะเป็นช่วงชายโครงซ้าย ที่ถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนกระดูกซี่โครงหัก อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจประสานไปยังสถานฑูตเยอรมนี เพื่อแจ้งให้ทราบ และนำศพส่งไปผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดที่แผนกนิติเวช จ.สุราษฎร์ธานี แต่เบื้องต้นติดต่อไปที่แม่ผู้ตาย ไม่ติดใจสาเหตุอื่น เพราะทราบว่าลูกชายตั้งใจฆ่าตัวตายเอง ขณะที่วันนี้ นายฑีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หน.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี สั่งให้ปิดจุดชมวิวเขาหงอนนาค 1 วัน ไม่ให้ นทท.เข้าเที่ยว
นอกจากนี้ตำรวจยังตรวจสอบการเดินทางของผู้ตาย พบว่าผู้ตายจองตั๋วเครื่องบินเข้ามาประเทศไทยไว้เฉพาะขาเข้า แต่ไม่จองเที่ยวกลับ ทำให้เชื่อว่าน่าจะตั้งใจมาฆ่าตัวตายโดยเฉพาะ โดยทราบข้อมูลจากแม่ผู้ตายว่า ผู้ตายมีอาการป่วยซึมเศร้า เพราะผิดหวังเรื่องความรัก เพิ่งเลิกกับแฟนสาวได้ไม่นาน ประกอบกับช่วงที่ จนท.อุทยานฯ ขึ้นไปเจรจา ผู้ตายก็เริ่มมีท่าทีผ่อนคลายแล้ว และยอมเดินกลับลงมาพร้อมกับ จนท. แต่หลังรับโทรศัพท์ กลับเปลี่ยนใจฆ่าตัวตาย ทำให้ จนท.สงสัยว่าโทรศัพท์สายสุดท้ายที่ผู้ตายคุยด้วย ก่อนจะตัดสินใจกระโดดหน้าผา อาจจะเป็นแฟนสาวหรือไม่ ซึ่งตำรวจจะตรวจสอบอีกครั้ง
ด้าน จนท.อุทยานฯ ที่เห็นเหตุการณ์ต่อหน้าต่อตา เล่านาทีระทึกให้ฟังว่า ช่วงที่ไดัรับแจ้งจากแม่ผู้ตาย ก็จัดทีม จนท. 4 นาย ขึ้นไปตามหา ไปพบผู้ตายนอนอยู่บนแท่นหินบนจุดชมวิว ด้วยท่าทางเคร่งเครียด จึงเข้าไปเจรจา บอกกับเค้าว่าจุดชมวิวจะปิดแล้ว ให้กลับลงมาพร้อม จนท. ช่วงแรกก็ไม่ขัดขืน แบกกระเป๋าเป้เดินกลับลงมากับ จนท. ไม่ได้มีท่าทางว่าจะคิดฆ่าตัวตาย จนลงมาได้ครึ่งทาง ก็ขอแวะพักเพื่อจะสูบบุหรี่ จากนั้นก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาใครสักคน ระหว่างนั้น จนท.ก็ไม่คิดว่าจะกระโดดฆ่าตัวตาย จนผู้ตายวางสายโทรศัพท์ พร้อมกับเอาแว่นตาวางบนเป้ แล้วหันมาบอกเจ้าหน้าที่ว่า I sorry แล้ววิ่งออกไปพุ่งกระโดดลงเขาต่อหน้าต่อตา จนท. ซึ่งตอนนั้น จนท.ทุกคนช็อกกับเหตุการณ์ต่อหน้า ตอนนี้ก็ยังทำใจกันไม่ได้.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/
