เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ศ.กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในการเปิดงานประชุมวิชาการและประกาศนโยบาย ศธ. เรื่องพลิกโฉมโรงเรียนสร้างต้นแบบนวัตกรรมครู สู่นวัตกรรมนักเรียนแบบ Active Learning ว่า การปฏิรูปการศึกษาเป็นหนึ่งในเป้าหมายการปฏิรูปประเทศ โดยการสร้างเด็กไทยให้มีคุณธรรม มีความรู้มีความสามารถ และเป็นคนที่เก่งขึ้น การจะก้าวไปสู่จุดนั้นต้องปรับกระบวนการเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปโรงเรียน หลักสูตร ตำราเรียน หรือแม้กระทั่งวิธีการวัดและประเมินผล แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องปฏิรูปกระบวนการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน จะต้องผสมผสานเป้าหมายประเทศไทย 4.0 และการปฏิรูปประเทศไปพร้อมๆกัน
โดยตั้งเป้าหมายว่าจะสร้างคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ซึ่งจะพบว่ากระบวน การเรียนรู้ด้วย Active Learning จากการลงมือทำจะทำให้เราสร้างคนที่สมบูรณ์แบบได้ เพราะหลายประเทศใช้การสอนแบบดังกล่าวมาแล้ว ซึ่งขณะนี้เราได้ปรับการเรียนการสอนเป็นแบบ Active Learning ครูต้องสอนแบบ Active Learning จึงอยากให้ครูมีหัวคิดเรื่องนวัตกรรม เพื่อทำให้เด็กต่อยอดการเรียนได้ และตนอยากเห็นการพลิกโฉมการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ Active Learning ปูพรมสู่โรงเรียนครบทุกจังหวัดในอนาคต ซึ่งจะทำให้เราไปถึงเป้าหมายประเทศไทย 4.0 ได้ในปี 2570 แน่นอน เชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา เพราะเป็นโครงการที่มีประโยชน์
ด้าน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงมีหลาย วิธีในการสอนเด็กแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps เป็น 1 ในกลไกการขับเคลื่อน ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน ครอบคลุมกว่า 150 โรงเรียนต้นแบบ จะขยายผลกลุ่มโรงเรียนเครือข่าย เพื่อให้ครูเป็นแม่ข่ายเชื่อมโยงและมีต้นแบบในเรื่องการสร้างนวัตกรรมให้ครูและนักเรียนต่อไป ขณะที่นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้โรงเรียนได้ปรับการเรียนการสอนเป็นแบบ Active Learning กันแล้ว
ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ ประธานกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ต้องไม่ลืมคือ กระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps เพราะเป็นกลไกขับเคลื่อนการเรียนการสอน Active Learning ให้สำเร็จ หาก ศธ.ขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบภายใน 3 ปี ประเทศไทยจะก้าวขึ้นไปเป็นประเทศลำดับต้นๆของเอเชียแน่นอน.
ที่มา:ไทยรัฐ