ตร.เมืองนนทบุรี สอบหนุ่มลักทรัพย์ในฟิตเนส 10 ล้าน เผยไปฟิตเนสแล้วเจอผู้เสียหาย จึงแอบเอากุญแจไปปั๊มรอจนเหยื่อมาใช้ตู้ล็อกเกอร์ที่เตรียมกุญแจไว้ ตร.จับพิรุธกระเป๋าตอนเดินออกดูหนักกว่าตอนเข้า
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 19 ม.ค. 66 จากกรณี นายสาธิต วัฒโน อายุ 35 ปี ชาวบ้านแขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ยงยุทธ สังข์สิริยะกุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 66 เวลา 18.00 น. ได้ไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส เฟิรส์ท ชั้น 15 ภายในห้าสรรพสินค้าเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี หลังออกกำลังกายเสร็จได้กลับมาเปลี่ยนเสื้อและเอาทรัพย์สินในล็อกเกอร์ ปรากฏว่ามีสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้น, พระสมเด็จวัดระฆังเลี่ยมทอง 1 องค์, ครุฑเลี่ยมทอง 1 องค์, พระหลวงพ่อโตเลี่ยมทอง 1 องค์, นาฬิกาโรเล็กซ์ 1 เรือน, เลสข้อมือฝังเพชร 1 เส้น, แหวนทองคำฝังเพชร 1 วง และทรัพย์สินอีกหลายรายการ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ได้หายไปทั้งที่กุญแจยังอยู่ที่ตัว
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.วรชาติ แสนคำ รอง ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี, พ.ต.ท.วรทัศน์ วัฒนชัยนันท์ รอง ผกก.สส., ตำรวจสืบสวนภาค 1 สืบสวนจังหวัดนนทบุรี สืบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เร่งรัดติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
ต่อมาตำรวจสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดทางเข้าออกฟิตเนสที่เกิดเหตุ พบว่าวันเกิดเหตุตลอดทั้งวันมีลูกค้าที่มาใช้บริการมากกว่า 300 คน และพบลูกค้าที่มาใช้บริการมีพฤติกรรมต้องสงสัย คือ นายณรงค์พล พงโสธร อายุ 37 ปี ชาวบ้านซอยมนตรีสุริยวงศ์ 10 ต.หน้าเมือง อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี เข้ามาใช้บริการสะพายกระเป๋าเข้ามา แต่ขาเข้าพบว่ากระเป๋าไม่มีน้ำหนัก หลังผู้เสียหายเข้ามาออกกำลังกาย นายณรงค์พล ได้สะพายกระเป๋าออกไป ตำรวจได้สังเกตพบว่าขาออกกระเป๋าดูมีน้ำหนักมากกว่าตอนเข้ามาครั้งแรก หลังจากนั้นประมาณ 1 ชม.ได้กลับมาที่ฟิตเนสอีกครั้ง จึงเชื่อว่า นายณรงค์พล น่าจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ
ต่อมาวันที่ 18 ม.ค. 66 ตำรวจสืบสวนได้เขาตรวจค้นห้องพักบนชั้น 8 คอนโดเสรีภาพ ซอยงามวงศ์วาน 23 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี ของนายณรงค์พล จากการตรวจค้นพบของกลาง พระสมเด็จ 1 องค์, เหรียญตราครุฑ 1 องค์, นาฬิกาโรเล็กซ์ 1 เรือน ของผู้เสียหาย เสื้อผ้าที่คนร้ายสวมใส่ในวันเกิดเหตุมีรองเท้าออกกำลังกาย native สีขาว 1 คู่ กางเกงออกกำลังกายขาสั้น 1 ตัว กระเป๋าสะพายข้างสีเขียวขี้ม้า 1 ใบ และตรวจยึดทรัพย์สินที่คนร้ายนำสร้อยคอทองคำ 2 บาท, แหวนทองฝังเพชร, สร้อยข้อมือทองคำฝังเพชร ไปขายได้เงินมา 196,000 บาท ก่อนนำเงินไปซื้อสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้น รองเท้า Addidas Ultraboost 1 คู่, สร้อยข้อมือยี่ห้อแอร์เมส 1 เส้น, กางเกงยี่ห้อนู้ดดี้ 1 ตัว ได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง
สอบสวน นายณรงค์พล ให้การรับสารภาพว่าตนเป็นอดีตวิศวกรของบริษัทแห่งหนึ่ง จนกระทั่งโควิดระบาด ทางบริษัทได้เลิกจ้าง ทำให้ตกงาน ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีบริษัทไหนรับเนื่องจากอายุมาก ต้องหยิบยืมเงินจากทางครอบครัวใช้จ่าย ด้วยความที่มีเวลาว่างในแต่ละวันตนจึงได้ไปสมัครออกกำลังกายฟิตเนสที่เกิดเหตุแบบรายเดือน เดือนละ 2 พันบาท จากนั้นก็ไปออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันจนพบว่า นายสาธิต ผู้เสียหายเดินทางมาออกกำลังใส่เครื่องประดับราคาแพงเป็นประจำ ตนจึงได้คิดหาวิธีการที่จะขโมยทรัพย์สิน ได้แอบนำกุญแจล็อกเกอร์ที่ตนสังเกตเห็น นายสาธิต มักชอบนำไปเก็บในตู้ล็อกเกอร์ฝั่งหมายเลข 15-21 เป็นประจำ
ผู้ต้องหาลักทรัพย์ กล่าวอีกว่า จากนั้นได้นำกุญแจล็อกเกอร์หมายเลข 17 และ 18 ไปปั๊มที่ย่านสะพานควาย ก่อนจะนำมาเสียบคืนไว้ที่เดิม ตนมาออกกำลังกายและเฝ้ารอว่า นายสาธิต จะมาออกกำลังกายและใช้ตู้ล็อกเกอร์ที่ตนนำไปทำกุญแจสำรองเอาไว้หรือไม่ จนกระทั่งวันเกิดเหตุ นายสาธิต มาออกกำลังกายนำเครื่องประดับเก็บไว้ตู้ล็อกเกอร์หมายเลข 17 ที่ตัวเองปั๊มกุญแจสำรองไว้ จึงได้ไขเปิดตู้ล็อกเกอร์ลักเอาทรัพย์สินของ นายสาธิต ไปทั้งหมด โดยนำทรัพย์สินที่ขโมยมาใส่กระเป๋าสะพายข้างที่ตนเตรียมมาออกไปซุกซ่อนที่ห้องพักแล้วกลับที่ฟิตเนสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้ตกเป็นที่เป็นสงสัย
นายณรงค์พล กล่าวว่า หลังจากได้ทรัพย์มีค่าดังกล่าวมาแล้ว ตนได้นำเอาเลสข้อมือกับแหวนเพชรไปจำนำได้เงินมาจำนวน 196,000 บาท จากนั้นจึงได้นำเอาเงินที่ได้มาส่วนหนึ่งไปซื้อสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 3 บาท มาเก็บไว้พร้อมกับซื้อเสื้อผ้า รองเท้าแบรนด์เนม เหลือเงินในบัญชี 5 หมื่นบาท หลังเกิดเหตุแล้วตนก็ยังคงเดินทางไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสตามปกติเพื่อไม่ให้เกิดพิรุธ พร้อมกับสอบถามเจ้าหน้าที่ฟิตเนสว่าตำรวจจับคนร้ายได้หรือยัง
ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. นายสาธิต วัฒโน อายุ 35 ปี ผู้เสียหาย ได้เดินทางมาชี้ยืนยันทรัพย์สินที่ถูกคนร้ายลักไป พร้อมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตามจับคนร้าย และนำทรัพย์สินกลับคืนมาได้ หลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือรับของโจร พร้อมอายัดเงินที่เหลือในบัญชี และนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เกิดเหตุ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองนนทบุรี ดำเนินคดี.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/