กลุ่มผู้เสียหายนัดรวมตัวร้อง ปอศ.หลังถูก 2 ผัวเมียเจ้าของบริษัทจัดหาพนักงานขายย่านลาดพร้าวแฝงตัวเข้าสมัครเรียนคอร์สอบรมผู้บริหารระดับสูง จากนั้นขุดบ่อล่อปลาชักชวนนักธุรกิจที่เรียนหลักสูตรเดียวกันมาลงทุนอ้างให้ผลตอบแทน 3% ช่วงแรกนำเงินทุนพร้อมผลกำไรมาให้จริง ก่อนช่วงหลังเริ่มติดขัดขาดสภาพคล่อง พอจ้างบริษัทเอกชนติดตามทวงหนี้ถึงรู้ว่ามีเหยื่อ 2 ผัวเมียคู่นี้อีกเพียบ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า300 ล้านบาท ด้านตำรวจรับเรื่องร้องทุกข์เสนอผู้บังคับบัญชาสั่งการต่อไป
2 ผัวเมียแฝงเข้าคอร์สอบรมผู้บริหารระดับสูงก่อนลวงเพื่อนร่วมหลักสูตรลงทุน สุดท้ายสูญรวมกันกว่า 300 ล้านบาท เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 13 ส.ค.67 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) มีกลุ่มผู้เสียหาย 18 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.เริงชัย ชุดพิมาย รอง ผกก. (สอบสวน) กก.4 บก.ปอศ. หลังถูกนายภิญโญ บุญชู อายุ 45 ปี และนางดวงกมล ตาทอง อายุ 43 ปี 2 ผัวเมีย แฝงตัวสมัครเข้าเรียนหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเอกชนหลายแห่ง ก่อนออกอุบายขอยืมเงินและชักชวนให้เพื่อนสมาชิกที่เรียนร่วมหลักสูตรด้วยกันกว่า 30 ราย นำเงินร่วมลงทุนให้กับบริษัทต่างๆรวมความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท
มีรายงานว่า หนึ่งในผู้เสียหายให้การพนักงานสอบสวนว่า รู้จักสองผัวเมียที่ถูกกล่าวหาแฝงตัวเข้ามา สมัครเรียนตามคอร์สอบรมผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเอกชนหลายที่ ก่อนเข้ามาตีสนิทชักชวนและขอยืมเงินจากสมาชิกในคอร์สที่เรียน ส่วนมากจะเป็นกลุ่มผู้มีฐานะ อ้างว่าเป็นเจ้าของบริษัทจัดหาพนักงาน PC เชียร์ขายสินค้าหน้าร้านอยู่ย่านลาดพร้าว ผู้ถูกกล่าวหาพยายามไปขายงานให้กับบริษัทชื่อดัง ของประเทศไทย และนำคอนแทกต์ของแต่ละบริษัทมาอ้างจนหลงเชื่อ
ผู้เสียหายรายเดิมให้การต่อว่า ปลายปี 61 ผัวเมียคู่นี้ได้ยืมเงิน 3 แสนบาท ไปลงทุนจะให้ผล ตอบแทนอยู่ที่ 3% อีกหนึ่งสัปดาห์ทั้งคู่นำเงินมาคืนพร้อมค่าตอบแทนอีก 3% จริง จากนั้นได้ยืมเงินไปลงทุนเพิ่มขึ้นอีกหลายครั้งจนกระทั่งเกิดโรคโควิด-19 เมื่อปี 63 ขณะนั้นทั้งสองคนติดเงินตนอยู่ประมาณ 20 ล้านบาท ก่อนเริ่มคืนเงินล่าช้าต่อมาในปี 66 ทั้งคู่ติดต่อมาขอให้เพิ่มเงินลงทุนอีก 9 ล้านบาท อ้างว่าหากไม่โอนมาร่วมลงทุน เงินที่ลงทุนไปจะไม่ได้คืนจึงโอนเงินไปให้ แต่เมื่อได้เงินไปแล้วกลับเลื่อนการจ่ายเงินคืนเรื่อยมา อ้างบริษัทคู่ค้าจ่ายเงินล่าช้า เมื่อติดต่อไปที่บริษัทคู่ค้าไม่พบว่ามีงานตามที่ถูกกล่าวอ้างจึงทราบว่าถูกหลอกรวมความเสียหายเฉพาะตนอยู่ที่ 38 ล้านบาท นอกจากนี้เมื่อไปจ้างบริษัทนักสืบเอกชนให้ตามทวงหนี้ พบว่ามีผู้เสียหายไปจ้างทวงหนี้กับลูกหนี้รายนี้เช่นเดียวกัน รวมแล้วมีผู้เสียหายกว่า 30 ราย ที่ถูกหลอกลักษณะเดียวกัน และยังทราบอีกว่ามีผู้เสียหายเป็นแพทย์ถูกหลอกยืมเงินสูญเงินไปกว่า 90 ล้านบาท ส่วนผู้เสียหายอื่นๆถูกหลอกยืมเงินลักษณะเดียวกัน สูญเงินไปคนละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท
เหยื่อ 2 ผัวเมียให้การอีกด้วยว่า นอกจากนี้ยังทราบว่า มีการโกงเงินประกันสังคมและเงิน กยศ. เด็กที่ทำงานเป็นพนักงานขายในบริษัท เก็บเงินดังกล่าวทุกเดือนไปกว่า 100 คน แต่ไม่มีการจ่ายให้กับประกันสังคมและเงิน กยศ.ให้กับพนักงาน ตนมีหลักฐานและมีการยืนยันจากเด็กเหล่านั้นด้วย วันนี้นัดผู้เสียหายอีกหลายรายมาแจ้งความดำเนินคดีสามีภรรยาคู่นี้ ในข้อหาตามความผิดฐานกู้ยืมเงิน อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้พร้อมสอบปากคำผู้เสียหาย จากนั้นจะเสนอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/
FuOaeJoMWhrSt