“เจ๊อ้อย” เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับอัยการ คดี “ทนายตั้ม” ฉ้อโกง ฟอกเงิน

“เจ๊อ้อย” เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับอัยการ คดี “ทนายตั้ม” ฉ้อโกง ฟอกเงิน

“เจ๊อ้อย” เดินทางมาพร้อมทนาย เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับคณะทำงาน คดีนอกราชอาณาจักร ปมถูก “ทนายตั้ม” ฉ้อโกง ฟอกเงิน

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 7 มกราคม 2568 ที่สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารถนนบรมราชชนนี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย พร้อมด้วยเลขาฯ เดินทางมาด้วยรถเอสยูวี ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นแพลตตินั่ม ทะเบียนป้ายแดง เพื่อเข้าพบคณะทำงานร่วมสอบสวนคดี โดย นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าคณะทำงาน คดีนอกราชอาณาจักร เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม กรณีนางจตุพร ดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด กับพวก ในความผิดฐาน ฉ้อโกง ร่วมกันฟอกเงิน และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง

นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานกล่าวก่อนทำการสอบสวนว่า คดีนี้เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 เป็นคดีนอกราชอาณาจักร ที่เป็นอำนาจของท่านอัยการสูงสุด คดีนี้อัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานอัยการ สำนักงานการสอบสวน เข้ามาร่วมสอบสวนคดี ซึ่งการร่วมสอบสวนอัยการจากสำนักงานการสอบสวน จะมีอำนาจหน้าที่ ออกคำสั่งหรือให้คำแนะนำในการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ซึ่งทางคณะพนักงานอัยการได้มีการร่วมประชุมกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามแล้ว เมื่อได้ดูสำนวนแล้ว ก็ยังมีประเด็นที่จะต้องสอบถามนางจตุพร ซึ่งเป็นประธานของคดีในการเป็นผู้เสียหาย และเป็นผู้เริ่มคดี

เราอยากจะถามข้อเท็จจริงบางอย่าง ที่การสอบสวนในชั้นกองปราบยังไม่ปรากฏชัดขึ้นมา วันนี้ก็เลยเชิญนางจตุพร พร้อมด้วยเลขานุการมาให้การเพิ่ม นอกจากนี้ ก็ยังมีพยานบางปากที่ยังไม่ได้สอบสวน เราก็เรียกมาสอบสวนด้วย ไม่ใช่เฉพาะนางจตุพร และเลขาฯ เท่านั้น เรายังดูข้อเท็จจริงด้วยว่า หากพยานหลักฐานถึงใคร ก็อาจจะต้องดำเนินคดีเพิ่มเติมในอนาคตอาจจะมีผู้ต้องหาเพิ่มเติม เราก็จะต้องพิจารณาต่อไป

คดีนี้มีกรอบระยะเวลาในการพิจารณา เนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร อำนาจการสั่งคดีเป็นของอัยการสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้เราจะกราบเรียนเสนอส่งถึงอัยการสูงสุดภายในวันที่ 15 ม.ค. ซึ่งจะทันในช่วงระยะเวลาฝากขังครั้งสุดท้าย ให้คณะทีมงานกลั่นกรองของท่านอัยการสูงสุด ได้มีเวลาการกรองสำนวนก่อนส่งให้ท่านอัยการสูงสุดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนให้ยังพอมีเวลาเผื่อหากท่านอัยการสูงสุดมีประเด็นที่อาจจะสั่งสอบสวนเพิ่มเติมอีก

นายวัชรินทร์กล่าวอีกว่า โดยหลังจากนี้ที่สำนักงานการสอบสวนจะมีการเรียกพยานในคดีมาสอบสวนเกือบทุกวัน และอาจจะมีพยานบางปากที่อัยการจะต้องไปสอบสวนนอกสถานที่ สำหรับพยานที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติมจะมีทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นพยานที่เกี่ยวกับเส้นทางการเงิน หรือเกี่ยวกับข้อเท็จจริงต่างๆ ที่จะเป็นประเด็นพิสูจน์ได้ว่าผู้ต้องหามีความผิด หรือความบริสุทธิ์ ยังต้องสอบอีก 15 ปาก ยืนยันว่าจะสอบสวนทันภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้

ด้าน น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย กล่าวว่า ตนเดินทางกลับมาประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อมาให้การสอบสวนเพิ่มเติมตามที่พนักงานอัยการได้แจ้งมา สำหรับการสอบสวนในวันนี้ ตนไม่ได้มีหลักฐานมาเพิ่มเติม แต่มาให้ข้อมูลที่ทางพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการเห็นว่า ยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น

ทั้งนี้ ตนพร้อมจะให้ความร่วมมือในการสอบสวน เพราะเชื่อมั่นในกระบวนการการสอบสวนที่มีความรัดกุมว่า จะทำให้เอาผิดกับทนายตั้มกับพวกได้ถึงที่สุด และขอยืนยันว่าตนจะดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่มีการยอมความ และได้มอบหมายให้ทางคุณสนธิ ลิ้มทองกุล มาช่วยดูแลในคดีนี้อย่างเต็มที่ หากจะมีการเจรจาต้องไปพูดคุยกับทางคุณสนธิเท่านั้น ส่วนตนยืนยันว่าไม่มีการยอมความแน่นอน

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

3,848 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *