รปภ.ม.ดังเมืองพิษณุโลก ไปเจอศพชายไม่ทราบชื่อ ผมยาว เจาะหู จัดฟัน มีรอยสักอักษรโรมันที่แขนขวา นอนตายบนพื้นหลังตึก สภาพมีแผลคล้ายถูกแทง 2 แผล แขนหัก ในตัวไม่มีหลักฐาน จากร่องรอยที่พบเป็นไปได้ทั้งกระโดดตึกลงมาเอง ถูกฆาตกรรมจากที่อื่น ถูกทำร้ายแล้ววิ่งหนีมาล้มตาย
เวลา 09.00 น. วันที่ 3 เม.ย. 66 ร.ต.อ.หญิง ชญานันท์ ชัยกาวิน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งว่ามีผู้พบศพชายเสียชีวิตอยู่หลังตึกอาคารเรียน 7 ชั้น วิทยาลัยดังกลางเมืองพิษณุโลก ต.ในเมือง ไปตรวจสอบพร้อมตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจกลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวร รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ผิวขาว สูงประมาณ 170 ซม. นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นปูน สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ ใส่กางเกงขาสั้นสีดำ ผมยาว ผิวขาว เจาะหูทั้งสองข้าง จัดฟัน และมีรอยสักอักษรโรมันที่ข้อพับแขนขวา มีบาดแผลถูกของมีคมแทงเข้าตามร่างกาย 2 แห่ง ที่แขนซ้าย สะบักหลัง และแขนซ้ายหักด้วย ตรวจสอบภายในตัวผู้เสียชีวิตไม่พบหลักฐานยืนยันว่าเป็นใคร คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง ตำรวจจึงให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำศพส่งให้แพทย์ผ่าชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงที่นิติเวช รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร
ตำรวจสอบสวน นายประเสริฐ พันธ์พัด อายุ 52 ปี ภารโรงผู้พบศพคนแรก เปิดเผยว่า ช่วงนี้ปิดภาคเรียนอยู่ ตนมาทำงานตั้งแต่เช้า และเดินมาเปิดน้ำบริเวณอาคารดังกล่าว สังเกตเห็นว่ามีคนนอนคว่ำหน้าอยู่ด้านหลังอาคาร จึงเดินไปดูและพบว่าเสียชีวิตแล้ว ด้วยความตกใจจึงรีบโทรแจ้งตำรวจทาง 191 เพื่อให้มาตรวจสอบ ส่วนช่วงกลางคืนจะมี รปภ.ดูแลอีกผลัดหนึ่ง แต่จะอยู่อีกตึกฝั่งตรงกันข้าม สำหรับกล้องวงจรปิดอยู่ระหว่างซ่อมแซม จึงไม่สามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้
ด้านตำรวจคาดว่าผู้เสียชีวิตอาจจะกระโดดตึกเอง หรืออาจจะเป็นการฆาตกรรมอำพราง ยังไม่ตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งทิ้ง เนื่องจากสภาพศพบริเวณขาซ้ายมีรอยถลอกลักษณะคล้ายถูกลากกับพื้นปูน และมีบาดแผลถูกของมีคมแทงตามร่างกายที่แขนซ้าย สะบักหลัง นอกจากนี้บริเวณที่พบศพไม่มีเลือดกระจายจากการกระโดดตึก หรือหล่นลงมาจากที่สูงแต่อย่างใด ผู้เสียชีวิตอาจจะถูกทำร้ายร่างกายก่อนนำศพมาทิ้งไว้ หรือถูกกลุ่มคู่อริรุมทำร้ายจนวิ่งหนีมาเสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุก็ได้ โดยจะต้องรอผลยืนยันทางนิติวิทยาศาสตร์จากแพทย์ ล่าสุดขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกำลังแกะรอยจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ และติดตามหาครอบครัว หรือญาติผู้ที่รู้จักผู้ตายมาสอบปากคำเพื่อคลี่คลายคดี และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/