ผู้ช่วย ผบ.ตร.ถกพนักงานสอบสวนสำนวนคดีฟอกเงิน คดี “เป้รักผู้การ” จ่อฟัน 30 ราย

ผู้ช่วย ผบ.ตร.ถกพนักงานสอบสวนสำนวนคดีฟอกเงิน คดี “เป้รักผู้การ” จ่อฟัน 30 ราย

พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วม “อัยการวัชรินทร์” ถกคณะพนักงานสอบสวน พิจารณาสำนวนคดีฟอกเงินผู้ต้องหา “คดีเป้รักผู้การ” จ่อฟันกว่า 30 ราย คาดสรุปสำนวนส่งให้อัยการปลายเดือน เม.ย.นี้

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน จะประชุมร่วมกับ นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวนเป็นหัวหน้าคณะทำงานกำกับการสอบสวนคดีเป้รักผู้การภาค 2 พิจารณาสำนวนคดีฟอกเงิน

พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมกับนายวัชรินทร์ เพื่อพิจารณาสำนวนคดีฟอกเงิน ซึ่งเป็นคดีต่อเนื่องจากคดีเป้รักผู้การ โดยวันนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 2 มีผู้ที่อยู่ในข่ายที่ถูกดำเนินคดีกว่า 30 ราย โดยบางรายเป็นผู้ที่ถูกดำเนินคดีไปแล้วก่อนหน้านี้ ขณะที่บางรายทางพนักงานสอบสวนพบเห็นขึ้นมาใหม่ จึงต้องหารือกันในที่ประชุมว่าพยานหลักฐานต่างๆ ที่สามารถบ่งชี้หรือชี้ชัด ที่จะนำเข้ามาประกอบสำนวนมีความลึกขนาดไหน

ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า ส่วนที่สองนอกจากความลึกแล้วต้องมาจัดลำดับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ว่าใครคือตัวการ ผู้สนับสนุน หรือเป็นผู้สนับสนุนปลายๆ ส่วนจะเป็นใครบ้างนั้นขอไม่เปิดเผย คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหากับผู้กระทำผิดได้ คาดไม่เกินปลายเดือนเมษายน สามารถสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการได้

นายวัชรินทร์ กล่าวว่า สำหรับคดีเป้รักผู้การ ก่อนหน้านี้เป็นการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทำร้ายและการกระทำที่ทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ซึ่งพนักงานอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปแล้ว ขณะที่ในวันนี้จึงเป็นการทำสำนวนคดีที่เกี่ยวเนื่อง คือ ความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน ซึ่งจะมีการพิจารณาว่าใครบ้างที่เข้าข่ายที่จะถูกดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงิน ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานเนื่องจากมีหลักฐานค่อนข้างชัดเจน เกี่ยวกับเส้นการเงินของผู้ต้องหาทั้งหมด

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

3,920 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You May Have Missed