ผบ.ตร.สั่งสอบด่วนป้ายโฆษณาจีนขายพาสปอร์ต ตำรวจห้วยขวางคุมตัวคนงาน ตามหานายจ้าง

ผบ.ตร.สั่งสอบด่วนป้ายโฆษณาจีนขายพาสปอร์ต ตำรวจห้วยขวางคุมตัวคนงาน ตามหานายจ้าง

ผบ.ตร. สั่ง บช.น. ตรวจสอบป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ตและสัญชาติ กลางสี่แยกห้วยขวาง กำชับ สตม. ตรวจสอบคัดกรองคนต่างด้าวทุกมิติ ขณะที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ลงพื้นที่ควบคุมตัวคนงาน พร้อมยึดของกลางเป็นแผ่นป้ายโฆษณา และอุปกรณ์ในการติดตั้งมาสอบปากคำ เพื่อถามหานายจ้างและคนจ้างให้ติดป้ายโฆษณาดังกล่าวแล้ว

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพป้ายโฆษณาที่ถ่ายจากสี่แยกห้วยขวาง ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตห้วยขวาง กทม. ในป้ายมีภาษาจีนตัวใหญ่และมีรูปคนสูงอายุ ดูมีภูมิฐาน ด้วยความสงสัยว่าเป็นโฆษณาอะไรจึงใช้แอปฯ ในการช่วยแปล จนพอสรุปได้ว่านี่คือป้ายโฆษณาขายหนังสือเดินทางตรวจคนเข้าเมืองอย่างรวดเร็ว รวมถึงการแปลงสัญชาติถูกกฎหมาย 100% โดยมีให้เลือกสัญชาติคือ อินโดนีเซีย ราคา 30,000 บาท, วานูอาตู 70,000 บาท, กัมพูชา 100,000 บาท และตุรกี 150,000 บาท โดยไม่ได้ระบุค่าเงินที่ชัดเจน อีกทั้งในป้ายโฆษณายังระบุอีกว่าทำหนังสือเดินทางได้ภายใน 30 วัน, ปลอดภัย, เป็นความลับ, ทำเสร็จค่อยจ่ายเงิน, รับสมัครตัวแทนทั่วโลก เป็นกลุ่มบริษัทเชี่ยวชาญด้านการย้ายประเทศ ก่อตั้งมากว่า 13 ปี และได้รับการรับรองจากหน่วยงานราชการ ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าในประเทศไทยสามารถซื้อขาย citizens ได้หรือไม่

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นางสาวภัทรนันท์ จารุดุล อายุ 29 ปี เจ้าของโพสต์ดังกล่าว เปิดเผยว่า ปกติใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ จะเป็นป้ายโฆษณาร้านขายไก่ทอดแห่งหนึ่ง แต่เมื่อวานขับรถผ่านเห็นเปลี่ยนป้ายใหม่ค่อนข้างเด่น เป็นภาษาจีนทั้งหมด จึงสงสัยว่าหมายความว่าอะไร จึงลองใช้ Google แปลภาษา แปลออกมาตามภาพ รู้สึกแปลกใจกับข้อความที่ปรากฏ จึงได้โพสต์ถามในเฟซบุ๊ก

โดยส่วนตัวรู้สึกแปลกใจ สงสัยว่าสามารถทำได้จริงหรือ เราสามารถซื้อสัญชาติได้จริงไหม แล้วภาษาบนป้ายเป็นภาษาจีนทั้งหมดเลย ต้องการโฆษณาให้กลุ่มลูกค้ากลุ่มไหน

“ตนรู้สึกตกใจที่ขายสัญชาติในบ้านเรา แปะในเมืองไทยก็น่าจะมีภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษบ้าง แต่อันนี้ค่อนข้างเป็นการโฆษณาเฉพาะกลุ่ม”

ต่อมา ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังสี่แยกห้วยขวาง พบว่า ป้ายดังกล่าวมีขนาดใหญ่ ประมาณ 14×12 เมตร ติดอยู่บนตึกสูง 4 ชั้นกลางแยก โดยกำลังมีคนงานประมาณ 6-7 คน กำลังปลดป้ายดังกล่าวออก ทีมข่าวจึงได้ไปสอบถามว่าทำไมถึงปลดป้ายออก ทางลูกจ้างรายหนึ่งแจ้งกับทีมข่าวว่า นายจ้างโทรมาให้ปลดป้ายดังกล่าวออก เมื่อถามกลับไปว่าใครเป็นนายจ้าง แต่ลูกจ้างดังกล่าวไม่ได้ให้คำตอบ เพียงแต่บ่ายเบี่ยงว่าคนจ้างให้ติดป้ายโฆษณาไม่ทราบว่าเป็นใคร

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้ลงพื้นที่ และได้เข้าควบคุมตัวคนงานทั้งหมด พร้อมกับยึดของกลางเป็นแผ่นป้ายโฆษณา และอุปกรณ์ในการติดตั้งมาสอบปากคำ เพื่อถามหานายจ้างและคนจ้างให้ติดป้ายโฆษณาดังกล่าว

ขณะที่ทาง พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. เปิดเผยว่า การซื้อขายสัญชาติมีอยู่จริงในโลก ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในประเทศที่มีประชากรน้อย และเชิญชวนชาวต่างชาติไปทำธุรกิจในประเทศเหล่านั้น ซึ่งมีเพียงไม่กี่ประเทศ

แต่สำหรับในประเทศไทย ยืนยันว่าไม่มีการซื้อขายสัญชาติแบบนี้แน่นอน และกรณีที่เกิดขึ้นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการซื้อขายจริงหรือไม่ หรือหากมีการกระทำจริง จะเข้าข่ายความผิดทางกฎหมายของไทยในข้อไหน จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียด หากผิดก็ต้องดำเนินคดี

และจากการตรวจสอบเบื้องต้น ในป้ายโฆษณาเป็นการซื้อขายสัญชาติในประเทศของพวกเขา ไม่ได้เกี่ยวกับการซื้อขายสัญชาติไทย เพียงแต่ใช้พื้นที่โฆษณาในประเทศไทยเท่านั้น จึงยังไม่เห็นว่าจะกระทบกับความมั่นคงของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบทั้งหมดเพื่อป้องกันไม่ให้กระทบต่อประเทศไทย รอง ผบช.สตม. กล่าว.

ด้าน นายไพฑูรย์ งามมุข ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวเบื้องต้นได้รับรายงานเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในวันพรุ่งนี้ตนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้น ได้ส่งเจ้าหน้าที่กรมโยธาลงไปตรวจสอบในกรณีที่มีการแอบลักลอบติดแผ่นป้ายโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจ้าทั้งปรับ โทษปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท

ส่วนความผิดข้อหาอื่นๆ ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเข้าข่ายความผิดข้อหาใดบ้าง

ขณะที่ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า กรณีมีป้ายโฆษณาภาษาจีน ระบุเกี่ยวกับการรับทำหนังสือเดินทาง และขอสัญชาติตามกฎหมายประเทศต่างๆ บริเวณสี่แยกห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร และมีการเผยแพร่ลงในสื่อออนไลน์ มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ บช.น. ตรวจสอบถึงที่มาของป้ายโฆษณาดังกล่าว ผู้ใดเป็นเจ้าของ และมีความผิดตามกฎหมายในเรื่องใดบ้าง และติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายในทุกมิติโดยเร็ว

ล่าสุด ตรวจสอบพบว่าได้มีการปลดป้ายดังกล่าวลงมาแล้ว ผบ.ตร. กำชับ บช.สตม. ให้ตรวจสอบคัดกรองคนต่างด้าวที่เข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรไทย ให้เป็นไปตามกฎหมายคนเข้าเมือง รองรับและสอดคล้อง สร้างสมดุลด้านการท่องเที่ยวกับความมั่นคง

รองโฆษก ตร. กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเตือนว่า การเข้าเมืองจะต้องมีหลักเกณฑ์ เงื่อนไขหรือเอกสารถูกต้องตามกฎหมาย เป็นไปตามกฎหมายคนเข้าเมือง ซึ่งมีโทษทางอาญา ผู้กระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ต้องได้รับโทษตามกฎหมายทุกกรณี

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

3,444 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You May Have Missed