ปิดตำนานคดีดัง จับ “หัวหน้าแก๊งกำถั่ว” หลอกผู้เฒ่า หลังหนีกบดานเกือบ 10 ปี

ปิดตำนานคดีดัง จับ “หัวหน้าแก๊งกำถั่ว” หลอกผู้เฒ่า หลังหนีกบดานเกือบ 10 ปี

“ตำรวจสอบสวนกลาง” ปิดตำนานคดีดัง ตามจับ “หัวหน้าแก๊งกำถั่ว” หลอกผู้เฒ่า หลังเจ้าตัวหนีกบดานเกือบ 10 ปี

วันที่ 28 ก.พ. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายพฤฒิชยเดชฯ หรือ นายฉัตรเกียรติ อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2777/2560 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2560 คดีอาญาที่ 21/2560 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน, หมายจับศาลจังหวัดกบินทร์บุรี ที่ 65/2560 ลงวันที่ 30 ต.ค. 2560 ข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่น โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ 610/2563 ลง 3 สิงหาคม 2563 ข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกง สถานที่จับกุมบริเวณแยกไฟแดง ต.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี

ทั้งนี้ พฤติการณ์สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2558 ถึง 2560 มีคดีที่เป็นข่าวกระแสสังคม ของกลุ่มขบวนการกำถั่ว ขบวนการตกโฉนดที่ดิน ตกลอตเตอรี่ มีพฤติการณ์ตระเวนหลอกเหยื่อที่เป็นผู้สูงอายุ โน้มน้าวทางจิตใจได้ง่าย เน้นคนที่มีฐานะ มีเงินทอง มีสมบัติ จากนั้นจะสร้างสถานการณ์ เอาลอตเตอรี่ซึ่งอ้างว่าถูกรางวัลที่ 1 มาหลอก แลกเงินไปจากผู้เสียหายโดยจะมีการแบ่งหน้าที่กันทำ

รวมทั้งเหยื่ออีกประเภท ที่ติดประกาศขายที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ โดยขบวนการเหล่านี้จะส่งคนเข้าไปทำการติดต่อพูดคุย ในเชิงเป็นนายหน้าที่ดิน และมีการชักชวนพูดคุยกับบุคคลในขบวนการ โดยมีการจัดเตรียมสถานที่เปลี่ยวร้าง พื้นที่ว่างเปล่าเป็นที่ดินปิดขาย หรือการหลอกลวงผู้เสียหาย ให้ช่วยไถ่ถอนที่ดิน มีลูกค้ามาติดต่อซื้อขาย แล้วอ้างว่าขายได้จะนำเงินกำไรมาแบ่งให้ แต่เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาได้เงินจากผู้เสียหายแล้วกลับเชิดหนีไม่สามารถติดต่อได้ หลังก่อเหตุกลุ่มขบวนการพวกนี้นำเงินที่หลอกลวงได้มาแปรสภาพทรัพย์สินอันเป็นความผิดฐานฟอกเงิน

โดยมี นายฉัตรเกียรติ เป็นหัวหน้าควบคุม จะตระเวนก่อเหตุในหลายพื้นที่ ก่อเหตุมาแล้วกว่า 40 ครั้ง ในพื้นที่ทั่วประเทศ มีผู้ร่วมเครือข่าย กว่า 20 คน ก่อเหตุมีผู้เสียหายกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

ขณะที่ กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม จึงได้ลงพื้นที่ในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดในคดีดังกล่าว โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาในแก๊งได้เกือบทั้งเครือข่าย เว้นแต่หัวหน้าเครือข่ายที่เป็นตัวการสำคัญในคดี เปรียบเสมือนเป็นมันสมองของแก๊งนี้ ซึ่งเจ้าตัวมีความระมัดระวังตัวสูง รู้วิธีการหลบเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ได้อยู่ตลอด ซึ่งสามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้กว่า 10 ปี

จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ของนายฉัตรเกียรติฯ พบมีประวัติหมายจับเกือบ 10 หมายในพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งคดีฉ้อโกงทรัพย์ ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ คดีฟอกเงิน คดีอาวุธปืน สืบสวนจนทราบว่า นายฉัตรเกียรติ ได้หลบหนีมาอยู่ ต.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่จึงสะกดรอยเฝ้าติดตามนายฉัตรเกียรติตั้งแต่ จ.จันทบุรี กว่า 500 กม. จนสามารถจับกุม นายฉัตรเกียรติ ได้บริเวณแยกไฟแดง ถ.แสงชูโตสายเก่า ต.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับพฤติการณ์การฟอกเงิน.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

4,066 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *