บุกรวบเอเย่นต์บัญชีม้าแก๊งคอลฯ หลอกคนข้ามไปสแกนหน้าฝั่งปอยเปตเดือนละ 30 คน

บุกรวบเอเย่นต์บัญชีม้าแก๊งคอลฯ หลอกคนข้ามไปสแกนหน้าฝั่งปอยเปตเดือนละ 30 คน

ตำรวจไซเบอร์รวบเอเย่นต์บัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกย่าหลาน ข้ามไปสแกนหน้าถอนเงินฝั่งปอยเปตเดือนละ 30 คน

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2568 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รรท.ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 นำกำลังพร้อมหมายจับศาลอาญา ที่ 285/2568 ลงวันที่ 17 ม.ค. 2568 เข้าจับกุม น.ส.พิมพันธ์ อายุ 32 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี

ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจด้วยการขู่เข็ญ, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยเป็นการกระทำต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด, เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการขายบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่น, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน”

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สำหรับในคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้น ธ.ค. 2567 มีผู้เสียหายเป็นย่ากับหลานชาย ชาว จ.อุดร ที่ถูกขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ วิดีโอคอลหลอกผู้เสียหายว่าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน โดยมีพฤติการณ์ข่มขู่เหยื่อให้ตกใจกลัว กระทั่งยอมโอนเงินที่สะสมมาหมดเกลี้ยงบัญชีกว่า 3.4 ล้านบาท ก่อนเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.สอท.3 ให้ดำเนินคดีกับคนร้าย

ต่อมาชุดสืบสวน กก.1 บก.สอท.3 ทำการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.พิมพันธ์ เป็นเอเย่นต์ที่คอยจัดหาคนไปเปิดบัญชีม้า ก่อนติดต่อให้หัวหน้าใหญ่ระดับตัวสั่งการจัดรถมารับบัญชีและพาข้ามฝั่งไปสแกนหน้าในประเทศเพื่อนบ้าน จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ โดยติดตามจับกุมได้ในพื้นที่จ.สมุทรปราการ

จากการสอบสวน น.ส.พิมพันธ์ ให้การยอมรับว่า ตนมีหน้าที่คอยจัดหาบัญชีม้าส่งให้หัวหน้าใหญ่ที่อยู่ฝั่งปอยเปต จากนั้นจะส่งรถมารับผู้ที่เปิดบัญชีม้าไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองลึก เพื่อพาข้ามไปสแกนหน้าฝั่งปอยเปต โดยทำมาตั้งแต่ พ.ย. 2567 ซึ่งในรอบหนึ่งเดือนจะส่งคนไปทำงานสแกนหน้าถอนเงินออกจากบัญชีเฉลี่ยเดือนละ 20-30 คน โดยจะได้รับค่าตอบแทนจากเอเย่นต์ในการจัดหาคนเปิดบัญชีรายละ 1,000 บาท ซึ่งตำรวจไซเบอร์ได้ดำเนินการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีรวม 11 ราย ติดตามจับกุมได้แล้วรวม 3 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

3,884 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *