ทลายเซฟเฮ้าส์ อดีตครูร่วมแฟนสาวหล่อชาวจีน ตัวการใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ฟิวแฟน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 ก.พ. 68 พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. รองหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ศปอส.ตร. เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) และ บก.สส.บช.น. ปฏิบัติการ “ทลายรังบอสสแกมเมอร์ฟิวแฟน” นำหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ ค.101/2568 ลงวันที่ 19 ก.พ. 68 เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ย่านบางนา กม.7 ซ.ราชวินิตบางแก้ว ถ.บางนา-ตราด ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จับกุมผู้ต้องหา 5 คน

ทราบชื่อต่อมา คือ Miss.ZHOU ZHOU หรือโจว อายุ 29 ปี สาวทอมชาวจีน (เป็นบอสสแกมเมอร์ฟิวแฟน-หลอกลงทุน) น.ส.อลิษา ล่ำกระโทก หรือ เล็ก อายุ 31 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.113,114/2568 ลงวันที่ 17 ก.พ. 68 ตามลำดับ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันเป็นซ่องโจร นายสุกฤษฏิ์ ขัติยศ หรือ ฟลุ๊ค อายุ 26 ปี ชาว จ.นครนายก น.ส.อาทิตยา พงษ์สวัสดิ์ หรือเปรม อายุ 24 ปี ชาว จ.เชียงราย แจ้งข้อหา ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ และนายสุเชษฐ์ คำเขียว หรือเชษ อายุ 40 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ แจ้งข้อหา เปิดบัญชี หรือยินยอมให้คนอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์

ตรวจอายัดของกลาง 6 รายการ บัญชีธนาคารพร้อมใช้ 102 บัญชี บัตรเดบิต 70 ใบ ซิมโทรศัพท์พร้อมใช้ประมาณ 1,000 ซิม โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง พบข้อมูลสำคัญจำนวนมาก คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง และรถยนต์โตโยต้า ยาริส 1 คัน (ใช้รับส่งธุระจัดหาคนเปิดบัญชี)

สืบเนื่องจากปัญหา “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” นักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT พบการหลอกลวงรูปแบบ “ฟิวแฟนสแกมเมอร์” ถือเป็นภัยร้ายที่สร้างความเสียหายเป็นอันดับ 1 ล่าสุด พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. รองหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ศปอส.ตร. แกะรอยข้อมูลจากผู้เสียหายรายหนึ่งถูกหลอกลวง แจ้งความไว้ที่ สน.พระโขนง โดยแผนประทุษกรรมจะปลอมโปรไฟล์แล้วสนทนา “ฟิวแฟน” ให้เหยื่อหลงรัก ก่อนจะชักชวนให้ลงทุนเปิดร้านค้า Tiktok ของสิงคโปร์ จากนั้นจะลวงให้ทำ “ภารกิจ” กดออเดอร์โดยให้เหยื่อออกเงินไปก่อน หลังเหยื่อทำภารกิจครั้งแรกสำเร็จก็ได้รับเงิน ทำให้เหยื่อตายใจ

หลังจากนั้นต้องเพิ่มยอดเงินมากขึ้นต่อมาไม่สามารถถอนเงินออกได้ มิจฉาชีพอ้างว่าเป็นเพราะเหยื่อกดออเดอร์ล่าช้า ต้องเพิ่มเงินเข้าไปอีกจึงจะถอนเงินในระบบได้ อันเป็นแผนประทุษกรรมของ “ฟิวแฟนสแกมเมอร์” พล.ต.ต.ธีรเดช แกะรอยเส้นทางการเงินจนพบว่าเงินที่แก๊งสแกมเมอร์นี้หลอกลวงได้แล้วท้ายสุดจะนำไปเข้าสู่ระบบแปลงเงินออกเป็นเหรียญดิจิทัล ผ่านช่องทางแอพพลิเคชัน บริษัทชื่อดังในเมืองไทย

ต่อมา พ.ต.ท.บดินทร เพ็ญสูตร สว.(สอบสวน) สน.พระโขนง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT แกะรอยจนพบ Miss.ZHOU หรือ บอสโจว สาวหล่อหัวหน้าแก๊งสแกมเมอร์นี้ เจ้าตัวใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบายในประเทศไทย เปิดเซฟเฮ้าส์รังรัก อยู่กับ น.ส.อลิษา หรือ เล็ก ครูสาวชาวไทยอนาคตไกลที่เพิ่งลาออกจากการเป็นครูผันตัวมาเป็น “ซ้อบอส” ได้ไม่นาน ภายในเซฟเฮ้าส์ดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นรังรักของทั้งสอง แต่ยังเป็น “ด่านเงินสุดท้าย” ที่แก๊งสแกมเมอร์จะให้ระดับหัวหน้ามาทยอยโยกเงินออกแปลงเป็นบิทคอยน์ด้วย

ต่อมา พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พร้อมคณะพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ออกหมายจับบอสทั้งสอง กระทั่งวันที่ 19 ก.พ. 68 เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ / ผอ.ศปอส.ตร. สั่งให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT นำหมายค้นของศาลเข้าตรวจค้นเซฟเฮ้าส์ลับ รังรักของบอสสาวหล่อดังกล่าว จับกุม Miss.ZHOU และ น.ส.อลิษา แฟนสาวบอส

จากการขยายพบการจับกุมทั้งสอง พบว่าภายในเซฟลับนี้ ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกแต่ไม่ได้อยู่ในบ้าน เพราะกำลังออกไปพาคนไปเปิดบัญชี พล.ต.ต.ธีรเดช นำกำลังออกติดตามไป พบนายสุกฤษฏิ์ และ น.ส.อาทิตยา กำลังรับ นายสุเชษฐ์ ไปเปิดบัญชีไปสแกนหน้าที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่าน ม.รามคำแหง 2 จึงเข้าจับกุมทั้ง 3 คน

จากการตรวจค้นพบของกลางดังกล่าว ก่อนจะขยายผลทราบว่าภายในบ้านนี้เป็น “รังลับ” ที่แก๊งสแกมเมอร์ฟิวแฟนใช้เป็นที่ตั้งในการทำบัญชี จัดหาคน เป็นธุระ ให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร บัญชีวอลเล็ต Bitkub, True wallet ก่อนจะนำมาใช้รับโอนเงินจากการหลอกลวงและนำเงินที่ได้แปลงเป็นเงินดิจิทัล โดยมี Miss.ZHOU เป็นบอสคอยสั่งการ จากการตรวจสอบบัญชีทั้งหมดที่ตรวจพบความเชื่อมโยงในระบบการรับแจ้งความออนไลน์ (Case ID) รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 91,192,017 บาท

Miss.ZHOU ให้การว่า จะมีบอสอีกคนซึ่งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน คอยดูแลออฟฟิศสแกมเมอร์ ส่วนตนนั้นมาฝังตัวอยู่ในประเทศไทย เพื่อคอยจัดการเรื่องการทำบัญชีและเส้นทางการเงินที่ได้จากการหลอกลวง โดยบอสในฝั่งเพื่อนบ้านจะคอยโอนเงินไทยมาให้ตนเพื่อไปเป็นธุระจัดหาคนมาเปิดบัญชีม้า และเปิดวอลเล็ต Bitkub พร้อมกับผูกไว้ในโทรศัพท์แบบพร้อมใช้ และอีกหน้าที่ คือบอสฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจะโอนเงินมาให้ตน ที่ถือบัญชีม้าวอลเล็ตม้าเหล่านี้ ก่อนให้ตนนำไปแปลงเป็นเงินสกุลดิจิทัล แล้วโอนกลับไปยังบอสฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้แอพพลิเคชั่น Bitkub

ส่วน น.ส.อลิษา เป็นแฟนสาวของตน ตอนแรกเป็นครูแต่ตนได้ชักชวนให้มาทำงานด้วยเพราะพูดภาษาไทยไม่ได้ แฟนสาวจะทำหน้าที่คอยตอบแชทและจัดหาคนมาเปิดบัญชีม้าให้ โดยกระบวนการจะไม่เปิดแค่บัญชีธนาคาร แต่จะเปิดบัญชีวอลเล็ตของ Bitkub ด้วย

น.ส.อลิษา ให้การว่า ตนเพิ่งลาออกจากการเป็นครูที่โรงเรียนชื่อดังใน กทม. เพราะแฟนของตนชักชวนให้ลาออก มาช่วยงาน ตนไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ Miss.ZHOU จะรู้เรื่องทั้งหมด

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. กล่าวว่า จากการขยายผลเรามีพยานหลักฐานยืนยันว่า Miss.ZHOU และ น.ส.อลิษา เป็นระดับหัวหน้าสั่งการในประเทศไทย คอยจัดหาคนมาเปิดบัญชีธนาคารและวอลเล็ตเงินสกุลดิจิทัล เพื่อใช้รับโอนเงินจากการหลอกลวงของแก๊งสแกมเมอร์ฟิวแฟน และยังโดยจะคอยแปลงเงินที่ได้จากการหลอกลวงจากเงินบาทแปลงเป็นเงินสกุลดิจิทัล แม้ว่าทั้งสองยังคงให้การไม่เต็มที่ แต่เรามีพยานหลักฐานมัดแน่นและของกลางที่เราตรวจพบในบ้านแห่งนี้ถูกนำไปใช้หลอกลวงพัวพันกับระบบฐานข้อมูลรับแจ้งรวมทั้งสิ้น 132 Case ID มูลค่าความเสียหายกว่า 91,192,017 บาท

หลังจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ผอ.ศปอส.ตร. สั่งการให้ขยายผลให้ถึงที่สุด ตามนโยบายของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.

ที่มา ไทยรัฐ