ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เผยตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ปมจับแพะ คดียาบ้าเกือบ 2 แสนเม็ด พร้อมชี้แจงขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ อยู่ระหว่างสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ติดตามคนร้ายตัวจริงมาดำเนินคดี
จากกรณีนายกฤษฎา โลหิตดี หรือ “ทนายโนบิ” พร้อมด้วยทีมทนายความ และนายภานุมาศ จิตรวศินกุล หรือ “เฮียเปี๊ยก” จากเพจ เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย นำ น.ส.วาสนา โปวังสา อายุ 47 ปี ชาวอุดรธานี เข้าร้องขอความยุติธรรมต่อ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรม ว่า นายสุวรรณ โปวังสา อายุ 47 ปี สามี ตกเป็นผู้ต้องหาใช้ยานพาหนะขนยาบ้า 198,000 เม็ด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2564 และถูกจับกุมตามหมายจับเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นการจับแพะ แทบจะผูกคอฆ่าตัวตายในห้องขัง เพราะรถจักรยานยนต์ที่ทิ้งไว้พร้อมกับยาบ้า มีนายสุวรรณเป็นผู้ครอบครอง แต่ลูกสาวเป็นผู้นำไปใช้ และวันเกิดเหตุนายสุวรรณยังทำงานอยู่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีหลักฐานการสแกนลายนิ้วมือเข้าทำงาน และการเข้ารักษาที่โรงพยาบาล จึงมาขอความเป็นธรรมให้กับสามี และให้ตำรวจติดตามจับกุมผู้ต้องหาตัวจริง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 มีนาคม 2566 พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ได้นัดหมายพบนายภานุมาศ จิตรวศินกุล หรือ “เฮียเปี๊ยก” จากเพจ เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย พร้อมทนายความ นำ น.ส.วาสนา โปวังสา อายุ 47 ปี และ น.ส.พิม ลูกสาว เข้าพบที่ห้องศูนย์ปฏิบัติการ สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อชี้แจงขั้นตอนปฏิบัติตามหน้าที่ ขั้นตอนแรกคือจับกุม เนื่องจากมีการล่อซื้อยาบ้าในพื้นที่ สภ.นาข่า และตรวจยึดจักรยานยนต์และยาบ้า 198,000 เม็ด
ขั้นตอนที่ 2 พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จักรยานยนต์เป็นของนายสุวรรณ โปวังสา ผลการพิสูจน์ตรวจสอบยาเสพติด ยืนยันว่าเป็นยาบ้าจริง ได้ออกหมายเรียกให้มาพบ 2 ครั้ง แต่ไม่มา ตามวิสัยเจ้าของรถจักรยานยนต์ที่หายไปโดยตำรวจยึดไว้ ต้องมาแจ้งตำรวจ แต่กลับไม่มีการมาแจ้ง จึงเชื่อมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงออกหมายจับ ขั้นตอนนี้ใช้ระยะเวลานาน จนมีการเปลี่ยนพนักงานสอบสวน
พ.ต.อ.จามร กล่าวต่อว่า ก่อนมีการจับกุม ซึ่งตำรวจได้พยานส่งฟ้องอัยการไปแล้ว ผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำกลางอุดรธานี อำนาจในการสอบสวนของตำรวจไม่มีแล้ว แต่เนื่องจากมีการร้องเรียนไปอัยการสูงสุด จะต้องรอให้อัยการสั่งให้มีการสอบเพิ่มเติม พนักงานจึงจะมีอำนาจลงไปสอบสวนได้ ขณะนี้ยังคงรอคำสั่งของอัยการอยู่
จนถึงขณะนี้ ขบวนการได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนของการสอบสวน เป็นพนักงานสอบสวนของ สภ.นาข่า และสภ.เมืองอุดรธานี ส่วนที่ 2 คือ การตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ของตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี และตำรวจภูธรภาค 4 ส่วนที่ 3 การสอบสวนพยานหลักฐานเพื่อติดตามคนร้ายตัวจริงมาดำเนินคดี แต่ต้องอยู่ที่พยานและหลักฐานด้วย ซึ่งขณะนี้นายสุวรรณยังคงเป็นผู้ต้องหาอยู่
ส่วน น.ส.พิม ลูกสาวนายสุวรรณ ซึ่งเป็นคนใช้รถจักรยานยนต์ เล่าว่า ตนคบกับแฟนหนุ่มซึ่งเป็นชาว ต.กุดสระ อ.เมือง จ.อุดรธานี และไปอยู่ที่บ้านแฟน โดยนำรถจักรยานยนต์ไปด้วย ซึ่งแฟนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป และรู้ว่าแฟนมีพฤติกรรมชอบดื่มเหล้า และเสพยา ตามประสาวัยรุ่น แต่ก็หวังว่าแฟนจะเลิกได้สักวันเพื่ออนาคตที่ดีขึ้น โดยแฟนจะนำรถจักรยานยนต์ของตนไปใช้ ส่วนตนจะขายของที่บ้าน ไม่รู้ว่าแฟนเอารถไปทำอะไร
ส่วนวันเกิดเหตุอ้างว่าเพื่อนรุ่นพี่ยืมรถไปใช้ ตนบอกให้เลิกเสพยาก็ไม่เลิกสักที ไม่ปรับปรุงตัว จากนั้นก็ได้เลิกกันไป วันที่พ่อถูกจับก็ได้ไปหาอดีตแฟนที่บ้าน และทราบว่าอดีตแฟนไปอยู่กับภรรยาใหม่ที่ จ.หนองบัวลำภู
จากนั้นนายภานุมาศ จิตรวศินกุล หรือ “เฮียเปี๊ยก” ได้มอบหลักฐานยืนยันการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และการทำงานด้วยการสแกนลายนิ้วมือ
ด้าน นางวาสนา เปิดเผยความรู้สึกว่า ซึ่งหลังจากได้ฟังชี้แจงแล้ว รู้สึกดีขึ้น ทุกหน่วยงานก็ได้ช่วยกัน เพื่อติดตามหาผู้ต้องหาตัวจริง แต่ติดใจเรื่องสำนวนเรื่องไปซุ่มจับสามี ซึ่งตนได้บนบานกับหลวงพ่อกวย จ.ชัยนาท และหลวงพ่อรวย จ.พระนครศรีอยุธยา ด้วยขนมจีน ฝากถึงนายสุวรรณ สามีว่า คนในขอให้สู้ ทำใจให้เข้มแข็ง เพราะคนนอกสู้เต็มที่ และจะสู้ถึงที่สุด