จีมินช็อง หนุ่มชาวบางกอกน้อย กทม. แต่เปลี่ยนชื่อ ศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าเป็นหนุ่มเกาหลีสุดหล่อ อายุแค่ 25 ปี สร้างเครือข่าย สั่งยาอี-ยาเลิฟขายทั่ว กทม.-ปริมณฑล ถูกออกหมายจับกลับหลบเร้นไร้ร่องรอย ตำรวจต้องใช้วิธิคลาสสิก สมัครเป็นเด็กส่งยาจนรู้ที่ซ่อน เจ้าตัวยอมรับสั่งยาผ่านดาร์กเว็บ โอนจ่ายด้วยบิตคอยน์ อยากย้ายไปอยู่เกาหลีใต้เพราะเบื่อหน่ายชีวิตในเมืองไทย
วันที่ 24 ก.พ. 66 พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.ผอ.ศอ.ปส.ตร นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ศอ.ปส.ตร. ร่วมกับ สืบสวนนครบาล แกะรอยก่อนจับกุมตัว นายจีมินช็อง ชาวเกาหลีเก๊ซึ่งแท้จริงเป็นคนสัญชาติไทย ทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้า หรือ Face off ไม่เหลือเค้าโครงเดิม เพื่ออำพรางการติดตามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยก่อนถูกจับตัวได้ก่อวีรกรรมสุดแสบเป็นต้นตอที่สำคัญในการแพร่ระบาดของยาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) ในพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล หลบหนีไร้ร่องรอยเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน ล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.ในฐานะหัวหน้า ศอ.ปส.ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 5 ใช้มุกคลาสสิกส่งสารวัตรมือดี “แฝงตัว” จนสามารถจับกุมตัวได้ในห้องพักคอนโดชื่อดังย่านเขตบางนา สุดท้าย นายจีมินช็อง รับสารภาพว่ามีเครือข่ายทั่วโลก สั่งยาเสพติดจากดาร์กเว็บ โอนจ่ายด้วยบิตคอยน์
สำหับ นายจีมินช็อง ชื่อเดิม นายสหรัฐ สว่างแจ้ง อายุ 25 ปี สัญชาติไทย ที่อยู่ตรอกวัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 626/2565 ลงวันที่ 2 ธ.ค. 65 กล่าวว่า “ร่วมกันนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 (MDMA) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (MDMA) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”
โดยจับกุมได้ที่ห้องพักในคอนโดชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตบางนา แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ ตรวจยึดของกลางโทรศัพท์ 2 เครื่อง ซึ่งใช้ในการติดต่อสั่งนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ และตรวจยึดทรัพย์สินอีกจำนวน 22 รายการ
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากชุดวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศอ.ปส.ตร. ได้วิเคราะห์สถิติการจับกุมพบว่ามีการแพร่ระบาดหนักของกลุ่มยาเสพติดชนิดยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) ต่อมาได้ประสานงานรวบรวมข้อมูลกับ บก.สส.บช.น. วิเคราะห์แกะรอยจากข้อมูลคดีการจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ จนได้พบเบาะแสแหล่งที่มา จึงให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่จนกระทั่งได้เบาะแสว่าแหล่งที่มาของยาเสพติดดังกล่าวคือ “หนุ่มเกาหลี” รูปหล่อรายหนึ่งซึ่งอยู่ในพื้นที่ย่านเขตบางนา กรุงเทพฯ ซึ่งมีพฤติกรรมจะสั่งนำเข้ายาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) โดยสั่งนำเข้ามาทางพัสดุไปรษณีย์ทางอากาศ จากประเทศแถบทวีปยุโรป โดยทำมาอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง โดยมักใช้บุคคลที่ตนเองรู้จักผ่านทางเฟซบุ๊กให้คอยรับส่งพัสดุยาเสพติดดังกล่าวให้ โดยที่ตัวเองไม่ต้องสัมผัสกับยาเสพติดโดยตรง
ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช สืบสวนจนกระทั่งสามารถยืนยันตัวตนของหนุ่มเกาหลีรายนี้ได้ คือ นายจีมินช็อง ซึ่งแท้จริงเป็นคนสัญชาติไทย แต่จงใจเปลี่ยนชื่อให้เหมือนคนเกาหลี โดยมีชื่อเดิมว่า นายสหรัฐ สว่างแจ้ง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134/8 ตรอกวัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพฯ อีกทั้ง นายจีมินช็อง ยังได้เปลี่ยนแปลงใบหน้าด้วยการศัลยกรรมไปจนกลายเป็นคนละคน ไม่เหลือเค้าโครงเดิม (Face off) จากการตรวจสอบพบว่า นายจีมินช็อง เป็นบุคคลตามหมายจับ ซึ่งเคยถูกพนักงานสอบสวน บช.ปส. ออกหมายจับไว้ตามหมายจับศาลอาญาที่ 626/2565 ลงวันที่ 2 ธ.ค. 65 ในคดีที่เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรได้ตรวจพบยาเสพติดยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) แบบผลึกสีขาวขุ่น น้ำหนัก 2,575 กรัม และ แบบเม็ดยาจำนวน 290 เม็ด ที่แอบบรรจุมาในพัสดุ “กล่องจิ๊กซอว์” เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 65 ซึ่งมีแผนประทุษกรรมเดียวกัน
จากความไม่ธรรมดาของ นายจีมินช็อง เจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาสืบสวนติดตามมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน แต่ยังไร้ร่องรอย จนกระทั่ง พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้ใช้อุบายเสนอตัวผ่านทางเฟซบุ๊กเพื่อสมัครเป็น “เด็กส่งของ” ให้กับ นายจีมินช็อง จนสามารถสืบทราบได้ว่า นายจีมินช็อง พักอยู่ที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตบางนา จ.กรุงเทพฯ ซึ่งต่อมาวันที่ 23 ก.พ. 66 เวลา 15.16 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. และ ศอ.ปส.ตร. ชุดที่ 5 นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ ค.29/2566 ลงวันที่ 23 ก.พ. 66 เข้าตรวจค้นห้องพักในคอนโดชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตบางนา ผลการตรวจค้นได้พบตัว นายจีมินช็อง อยู่ในห้องพัก จึงได้ทำการจับกุมตัวตามหมายจับ และตรวจยึดของกลางโทรศัพท์ 2 เครื่อง ซึ่งใช้ในการติดต่อสั่งนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ และตรวจยึดทรัพย์สินอีกจำนวน 22 รายการ
ในชั้นจับกุม นายจีมินช็อง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า บ้านเดิมอยู่ย่านบางกอกน้อย โดยรับว่าที่ตนเองเปลี่ยนมาเป็นชื่อภาษาเกาหลีเพราะอยากย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากเบื่อหน่ายชีวิตในประเทศไทย ซึ่งตนสามารถพูดภาษาเกาหลีได้เพียงเล็กน้อย ยังออกเสียงไม่ได้ และได้ยอมรับว่ามารดาของตนเคยถูกดำเนินคดีจำหน่ายยาเสพติดชนิด “ยาเสียสาว” จำนวนกว่า 200,000 เม็ด โดยนำเข้ามาจากประเทศปากีสถาน เมื่อปี 2554 ซึ่งปัจจุบันมารดาได้พ้นโทษออกมาแล้ว และย้ายไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส พร้อมยอมรับเริ่มเข้าวงการจำหน่ายยาเสพติด จากการเข้าไปศึกษาในดาร์กเว็บและแชตพูดคุยกับคนในดาร์กเว็บ โดยไม่รู้จักชื่อและตัวตนจริง ผ่านทางหลายเว็บไซต์ เช่น คิงดอม, โบคีเมีย เป็นต้นมีคอนเนคชั่นนำเข้ายา MD หรือยาอี จากทั่วโลก แต่ที่ประสานงานดีที่สุดคือ ประเทศเนเธอแลนด์ โดยจะนำเข้ามาในรูปแบบการส่งเป็นพัสดุเข้ามาตามปกติ และอ้างว่าสามารถเล่นแร่แปรธาตุแปลงยา จากน้ำเป็นก้อน จากก้อนเป็นน้ำได้ โดยศึกษาวิธีการจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งการซื้อขายยาเสพติดจากดาร์กเว็บที่ตนใช้ประสานงานนั้น จะซื้อขายจ่ายเงิน ผ่านทางคริปโตเคอเรนซีและยอมรับว่า ล่าสุดได้สั่งยาอีที่กำลังจะเข้ามาในไทย อีกครึ่งกิโลกรัมและ 30 กิโลกรัม แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน ซึ่งในคดีนี้ที่ถูกออกหมายจับเพราะว่า ทำพลาดจนถูกศุลกากรตรวจพบยาอีที่ส่งพัสดุเข้ามาจำนวน 2.5 กิโลกรัม เพราะลูกน้องไม่ได้ทำตามแผนที่สั่งการไว้ โดยหลังการจับกุมได้นำตัว นายจีมินช็อง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.1 บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “จากข้อมูลของนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. วิเคราะห์ว่า คนร้ายรายนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในต้นตอสำคัญ ของการแพร่ระบาดของ ยาอีและยาเลิฟ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เราสืบสวนติดตามตัวมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน ทำให้ทราบว่าคนร้ายรายนี้รู้จักวิธีการตัดช่องทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี และมีการศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้า เพื่ออำพรางการติดตามจากเจ้าหน้าที่ และด้วยคนร้ายรายนี้มีอายุเพียง 25 ปี แต่สามารถเป็นระดับหัวของการนำเข้ายาเสพติดจากทางยุโรปได้ น่าเชื่อว่าจะมีผู้ที่คอยให้การสนับสนุนอยู่ในต่างแดน ซึ่งเราจะมีการขยายผลให้ถึงที่สุด”.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/