ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น NEX วันนี้ ปรับตัวลดลงติดราคาต่ำสุดของวัน (floor) อยู่ที่ 4.10 บาท โดยช่วง 3 วันที่ผ่านมา (13-15 พ.ค. 67) พบว่าราคาหุ้นลดลงกว่า 4.65 บาท หรือ -53.14% จากราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 8.75 บาทต่อหุ้น
ล่าสุด NEX แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขอให้บริษัทชี้แจงเกี่ยวกับพัฒนาการที่สำคัญในระยะเวลาอันใกล้ เนื่องจากราคาซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาที่ปรับลดลงในช่วงวันที่ 13-15 พฤษภาคม 2567 นั้น
บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า บริษัทไม่มีพัฒนาการใดๆ นอกเหนือจากที่ได้เปิดเผยผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์แล้ว
วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยกับ “Thairath Money” ว่า สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมานั้น มองว่ามาจากผลประกอบการในไตรมาส 1/67 ของ NEX ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก เพราะกำไรสุทธิอยู่ที่ 49 ล้านบาท หรือปรับตัวลดลงกว่า 68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ เป็นผลจากรายได้ที่ปรับตัวลดลง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ประกอบกับส่วนแบ่งรายได้จากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลง ในขณะที่ก่อนหน้าราคาหุ้นปรับขึ้นไปซื้อขายที่ P/E ระดับ 55 เท่า เมื่อกำไรปรับลงหนัก ราคาหุ้นจึงเผชิญแรงทำกำไร
ด้านความเห็นนักวิเคราะห์ฯ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุไว้ในบทวิเคราะห์ว่า NEX รายการกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยหลักเป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด และบริษัทร่วมรายงานขาดทุน ทำให้ NEX รายงานส่วนแบ่งขาดทุน
ขณะเดียวกัน คาดกำไรหลักไตรมาส 2/67 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากอัตรากำไรลดลง และส่วนแบ่งกำไรจากโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า Absolute Assembly ที่ลดลง แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/67 ได้ จากขยายการส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้า และการฟื้นตัวบางส่วนของส่วนแบ่งกำไรจาก Absolute Assembly
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายใหม่ของ NEX ดูเหมือนจะกดดันอัตรากำไร ในขณะที่การติดตั้งสายการผลิตรถกระบะไฟฟ้าใหม่ของ Absolute Assembly ส่งผลให้กำไรจากส่วนแบ่งกำไรของ NEX กลับกลายเป็นส่วนแบ่งขาดทุนในไตรมาส 1/67
นอกจากนี้ ยังมีความไม่แน่นอนบางประการเกี่ยวกับการส่งมอบรถบัสไฟฟ้าให้กับไทยสมายล์ จึงได้ปรับลดสมมติฐานการส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปีนี้ เหลือเพียง 3,000 คัน และปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 2567 ลงอย่างมาก จาก 1,367 ล้านบาท เหลือ 703 ล้านบาท ส่งผลให้อยู่ระหว่างการปรับคำแนะนำและราคาเป้าหมาย
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/
