ราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากความต้องการใช้น้ำมันที่สูงขึ้น สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง และโอเปกพลัส (OPEC+) กลุ่มประเทศสมาชิกผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ยังยืนยันที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ มองว่า เป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้นพลังงานที่ราคายังปรับตัวช้ากว่าราคาน้ำมัน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นว่า ราคาสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนกรกฎาคม เมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้นได้ดี ปิดที่ระดับ 79.83 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.11 ดอลลาร์ฯ หรือ +2.71% ได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ OPEC+ จะยังคงนโยบายปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันต่อไปที่ระดับ 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน หรืออาจขยายระยะเวลาในนโยบายดังกล่าวออกไปต่อ ลดทอนอุปทานส่วนเกิน หนุนทิศทางราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้
อีกทั้งยังคงมุมมองความหวังอุปสงค์น้ำมันในจีนที่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้น รวมทั้งคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในสหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป คาดจะหนุนทิศทางราคาน้ำมัน และหุ้นในกลุ่มพลังงานฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะสั้น
ด้าน ฝ่ายวิจัยฯ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า วานนี้ราคาน้ำมันดิบ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ (BRENT) และสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ยังปรับตัวขึ้นต่ออีก ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่สหรัฐฯ เข้าสู่ฤดูการขับขี่รถยนต์ ทำให้ความต้องการใช้เพิ่มขึ้น และอิสราเอลรุกคืบเข้าสู่ใจกลางเมืองราฟาห์ ทำให้กำลังการผลิตหายไป ขณะที่ช่วงที่ผ่านมาตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของสหรัฐฯ ทำให้ความคาดหวังว่าอุปสงค์น้ำมันดิบจะทยอยมากขึ้นตามลำดับ
อีกทั้งได้รับผลบวกจากกลุ่ม OPEC+ ที่ในช่วงที่ผ่านมายังยืนยันที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันอยู่ และล่าสุดตลาดรอดูผลการประชุมของกลุ่ม OPEC+ ในวันที่ 2 มิ.ย. 67 ว่าจะขยายระยะเวลาการปรับลดการผลิตน้ำมัน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปหรือไม่ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการขยายระยะเวลาการปรับลดออกไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. 67 ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามว่าผลลัพธ์จะออกมาดังที่ตลาดคาดหรือไม่
โดยฝ่ายวิจัย ยังคงมุมมองที่คาดทิศทางราคาน้ำมันจะยังทรงตัวได้ในระดับสูงต่อเนื่องจากเหตุผลข้างต้น และคงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบระยะยาวตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไปอยู่ที่ 80 เหรียญฯ/บาร์เรล (ใกล้เคียงกับระดับปัจจุบัน) ขณะที่หากพิจารณาในเชิงราคา จะเห็นได้ว่า 3 วันทำการที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 4.3%
ซึ่งหุ้นในกลุ่มพลังงาน ที่ปรับตัวช้ากว่าราคาน้ำมันดิบ (LAGGARD) คือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PTT, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น OR, บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น IRPC, บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PTTEP, บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SUSCO, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BCP รวมถึง บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น TOP เป็นต้น ถือเป็นโอกาสสะสมในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยผันผวน
ด้านบทวิเคราะห์ฯ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หุ้นน้ำมันอย่าง บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PTTEP น่าจะยังได้อานิสงส์จากการเก็งผลประชุม OPEC+ ในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ ว่าจะยังคงลดกำลังการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากโควตา ส่วนสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสนั้น ตลาดกำลังรอดูผลการเจรจารอบใหม่ในสัปดาห์นี้
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/