“เศรษฐา” รับการเมืองฉุดความเชื่อมั่นตลาดหุ้น ขณะที่ “ภูมิธรรม” ชี้หุ้นขึ้น-ลง ถือเป็นเรื่องปกติ ปัจจุบันสถานการณ์ความไม่เชื่อมั่น ไม่เข้าใจต่างๆก็ได้คลี่คลายลงแล้ว “เผ่าภูมิ” ชี้ตลาดหุ้นร่วงสะท้อนเศรษฐกิจไทยยังมีปัญหา ย้ำคลังพยายามออกมาตรการทุกสัปดาห์ จี้ กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25%
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีการซื้อขายหุ้น เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2567 ดัชนีปรับตัวลงเคลื่อนไหวแดนลบตลอดทั้งวัน จนปิดตลาดที่ 1,318.57 จุด ลดลง 14.17 จุด โดย ในช่วงเช้าหุ้นไทยลดลงจนทุบสถิติ ลดลงต่ำสุดถึง 19.48 จุด ที่ระดับ 1,313.26 จุด ต่ำสุดในรอบ 4 ปี ว่า ส่วนตัวมองว่าเป็นสถานการณ์ภาวะตลาดตามปกติของตลาดหุ้น แต่ต้องมาพิจารณากันอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ยอมรับว่า ปัจจัยทางการเมืองที่มีคดีการเมืองถึง 3 คดีถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่ตลาดคงมีความกังวล โดยมองว่าเป็นเรื่องของแต่ละคน อย่างกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ส่วนเรื่องของพรรคก้าวไกลก็เป็นเรื่องในสภาฯ ส่วนคดีของตน ก็ได้มีการส่งคำชี้แจงให้กับศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก 3 คดีนี้ผ่านพ้นไปจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า “คงเป็นการไม่เหมาะสมที่จะไปพูดถึง ผลในอนาคต”
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กรณีหุ้นขึ้น-ลง ถือเป็นเรื่องปกติ โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความเข้าใจว่า มีความไม่เชื่อมั่นต่างๆ แต่ปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆ ก็ได้คลี่คลายลงแล้ว “วันนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายกรณีที่ต้องมีการขึ้นศาล ซึ่งไปมองกันว่ามีปัญหา แต่วันนี้นายกฯ ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีปัญหาอะไร รัฐบาลพยายามทำหน้าที่ต่างๆให้ดีที่สุด และต้องรอให้มีการพิจารณาของศาลก่อน ซึ่งเชื่อว่าหากศาลพิจารณาแล้วเสร็จก็คงจะไม่มีอะไร โดยคิดว่าเป็น ข่าวที่ทำให้ตกใจ หรือไม่สบายใจกัน แต่หากผ่านไปแล้วก็จะจบเหมือนกับหลายเรื่อง ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ถาวร”
ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่า ดัชนีหุ้นไทยที่ปรับลดลงมากกว่ายุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นายภูมิธรรมกล่าวว่า จะมาพูดแบบนี้ไม่ได้ เพราะการที่หุ้นจะขึ้นจะลงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นๆต้องดูตามความเป็นจริง โดยไม่เกี่ยวกับ พรรคเพื่อไทย หรือยุค พล.อ.ประยุทธ์
ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงในขณะนี้เป็นสิ่งที่สะท้อนมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยมีปัญหาหลายด้านทั้งในเรื่องของกำลังซื้อ มาตรการทางการเงินการคลังยังทำงานได้ไม่เต็มที่เนื่องจากงบประมาณในช่วงแรกยังไม่ออกมา และมาตรการทางการเงินการคลังยังไม่สอดคล้องกัน
“การจะทำให้ตลาดหุ้นดีขึ้นต้องมีมาตรการแก้ไข ซึ่งต้องเน้นในเรื่องของการแก้ไขภาวะเศรษฐกิจ มากกว่าจะไปดูที่ปลายเหตุ เมื่อภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นก็จะสะท้อนไปที่ตลาดทุน มั่นใจว่าจากนี้ตลาดหุ้นจะดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ทำอยู่คือ มาตรการด้านการคลัง ที่รัฐบาลพยายามที่ออกทุกสัปดาห์ รวมกับการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ และในไตรมาสที่ 4 จะมีมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต ออกมา ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจนั้นฟื้นตัวมากขึ้น จากการใช้จ่ายของประชาชน ส่วนมาตรการทางการเงินการคลังที่ยังไม่ประสานกันก็เป็นหน้าที่ที่คลังต้องไปทำงานให้เศรษฐกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ (12 มิ.ย.) กระทรวงการคลัง คาดหวังว่ามาตรการทางการเงิน จะออกมาช่วยผ่อนคลายด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง โดยอยากให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เพราะตอนนี้สัญญาณเศรษฐกิจชัดเจนว่าชะลอตัวลง เช่นเดียวกับประเทศมหาอำนาจ เช่น ยุโรป ก็ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงแล้ว ก็เป็นปัจจัยที่ กนง.ควรพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้ใช้เวลาในช่วงต้นหารือกันเกี่ยวกับภาวะตลาดหุ้นไทย โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นตอนนี้ปรับลด ซึ่งก็มีคำถามเข้ามามากว่าเพราะอะไร เกี่ยวกับปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจ หรือการเมือง หรือมาจากอะไรก็ขอให้ทุกฝ่ายนั้นช่วยกันทำงานในเรื่องนี้ด้วย ขณะที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่าสภาวะตลาดหุ้นในขณะนี้ยิ่งทำให้เห็นถึงความจำเป็นในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเมื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วเศรษฐกิจดีขึ้นก็จะส่งผลให้ตลาดหุ้นฟื้นขึ้นตามความเชื่อมั่นเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นได้ด้วย.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/
