ถอดไฟลิ่ง BLC ผู้ผลิตและจำหน่ายยา เคาะราคาไอพีโอ 10.50 บาท น่าซื้อหรือไม่?

ถอดไฟลิ่ง BLC ผู้ผลิตและจำหน่ายยา เคาะราคาไอพีโอ 10.50 บาท น่าซื้อหรือไม่?

ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้อุตสาหกรรมยามีการพัฒนายาใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยาทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์และแพทย์เพื่อพัฒนายาใหม่ ทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยา และยื่นขออนุญาตการผลิตและจำหน่ายยาจากหน่วยงานรับรอง

อุตสาหกรรมยาเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ก็ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตดังกล่าวเช่นกัน

สำหรับผลิตภัณฑ์ของ BLC แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ยา ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันประเภทยาสามัญ และยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ และ 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆ ประกอบด้วย เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่บริษัทฯ ผลิตและจำหน่าย ได้แก่ เจลหล่อลื่น สเปรย์ฉีดกันยุง เป็นต้น

โดยเป็นการจำหน่ายแบบผู้ประกอบการกับผู้ประกอบการ (B2B) ให้กับลูกค้าร้านขายยา โรงพยาบาลรัฐและเอกชน บริษัทเอกชน ร้านค้าปลีกทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง (B2C) ผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น และการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ BKD Viva Healthy at Home

ทั้งนี้ ราคาจองซื้อหุ้น BLC ที่ 10.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น P/E ที่ประมาณ 47.7 เท่า หลังการเสนอขาย ซึ่งคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายในกระดาน SET ในเดือนมิถุนายนนี้ โดยจะขายหุ้นสามัญจำนวน 150,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจํานวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมดของบริษัท แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 120,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 20% และหุ้นสามัญเดิมจำนวน 30,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 5%

สำหรับวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ประมาณ 1,260.0 ล้านบาท (ก่อนหักค่าใช้จ่ายในการเสนอขายหลักทรัพย์) ไปใช้เพื่อลงทุนใน 1.โครงการในอนาคต จำนวน 985 ล้านบาท ได้แก่ ก่อสร้างโรงงานผลิตยาอาคารใหม่ ซึ่งจะเน้นการผลิตยาแผนปัจจุบันประเภทยาสามัญใหม่ที่จะเริ่มพัฒนาในปีนี้เป็นหลัก และเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 193% จากกำลังการผลิตในปี 2565 และติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้า Solar Rooftop บนอาคารโรงงาน

รวมถึงวิจัยพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญใหม่ 14 รายการ เฉลี่ยเงินลงทุนรายการละ 10 ล้านบาท โดยทยอยเริ่มวิจัยและพัฒนาในปี 2566 และเริ่มทยอยจำหน่ายปี 2569 เป็นต้นไป

2.เพื่อสำหรับจ่ายคืนหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับที่ปรึกษาทางการเงิน และ/หรือผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย จำนวน 100 ล้านบาท และ 3.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน จำนวน 114.5 ล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2563-2565) บริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,027.2 ล้านบาท 1,027.7 ล้านบาท และ 1,238.5 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย 9.8% ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทฯ มาจากรายได้จากการจำหน่ายยาแผนปัจจุบันประเภทยาสามัญและยาสามัญใหม่ ซึ่งบริษัทมีแผนในการวิจัยและพัฒนายาสามัญใหม่ที่มีตัวยาและคุณสมบัติเหมือนยาต้นแบบที่สิทธิบัตรกำลังจะหมดอายุอย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้าการวางจำหน่ายไม่น้อยกว่าปีละ 2 รายการ จะทำให้บริษัทสามารถเพิ่มอัตราการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง

ส่วนกำไรสุทธิในปี 2563 อยู่ที่ 13.7 ล้านบาท และปี 2564 อยู่ที่ 51.1 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเจริญเติบโต 273% และกำไรสุทธิปี 2565 เท่ากับ 129.7 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเจริญเติบโตจากปีก่อนหน้า 153% โดยปรับตัวดีขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ และกำไรขั้นต้น รวมทั้งการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างกำไร

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ เปิดเผยว่า หลังจากนำเสนอแผนดำเนินงานและศักยภาพการเติบโตของ BLC พบว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นที่ดีจากความได้เปรียบเชิงการแข่งขันของบริษัทที่มีความแข็งแกร่งจากการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน ซึ่งมีความจำเป็นในการรักษาโรคครอบคลุมประชากรทั้งประเทศ และมีผลิตภัณฑ์สุขภาพครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ และเป็นที่ยอมรับและไว้วางใจมากว่า 30 ปี ทั้งในสถานพยาบาล ร้านขายยาชั้นนำในประเทศกว่า 8,000 แห่ง และส่งออกไปยังกว่า 10 ประเทศทั่วโลก มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ทั่วถึง อีกทั้งมีศูนย์วิจัย BLC ในการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมด้านสมุนไพร เพื่อยกระดับสมุนไพรไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก รวมทั้งสามารถรองรับการเติบโตของเทรนด์ด้านสุขภาพในอนาคต

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BLC เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ มีประสบการณ์กว่า 30 ปี จำหน่ายผ่านร้านขายยาและโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน คิดเป็นสัดส่วนรายได้กว่า 85% จุดเด่นคือการขยายธุรกิจไปสู่ยาสามัญใหม่และการเตรียม R&D ไว้ล่วงหน้าแล้ว เราคาดกำไรเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 3 ปี เติบโตเฉลี่ย 26% (CAGR) หนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและพฤติกรรมคนที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งมี Margin สูง ประเมินราคาเป้าหมายที่ 12 บาท

ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการในปี 2566 คาดมีกําไรสุทธิที่ 184 ล้านบาท ส่วนปี 2567 คาดมีกำไรสุทธิที่ระดับ 205 ล้านบาท เป็นการเติบโต 41.5% และ 11.4% ตามลําดับ และคาดการณ์รายได้ปี 2566 ที่ 1,498 ล้านบาท และปี 2567 ที่ 1,648 ล้านบาท เป็นการเติบโต 15.6% และ 10% ตามลําดับ โดยการเติบโตของรายได้มาจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ยาสามัญใหม่เพิ่มในทุกปี เฉลี่ยปีละ 2-3 รายการ และการเพิ่มสินค้า Probiotics ที่มีความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดยประเมินมูลค่าหุ้น BLC ได้ราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 16 บาท.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

3,444 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You May Have Missed