นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร แถลงข่าวเนื่องในโอกาส 112 ปี แห่งการสถาปนากรมศิลปากร ว่า ในการก้าวสู่ปีที่ 113 กรมศิลปากรยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานดูแล อนุรักษ์ และต่อยอดมรดกวัฒนธรรมของชาติ โดยเฉพาะการบูรณะโบราณสถาน ต้องคงความเป็นของแท้ดั้งเดิมทำงานตามหลักวิชาการ รวมทั้งจะมีการพัฒนาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั่วประเทศให้ก้าวสู่ความเป็นระดับสากลมีความทันสมัย เทียบเท่านานาชาติ ตลอดจนผลักดันการพัฒนางานด้านเอกสาร ภาษา หนังสือให้เป็นที่ประจักษ์ เน้นงานบริการให้เป็นระบบออนไลน์ ตอบสนองผู้ใช้บริการ ที่อยู่ในยุคดิจิทัล
นายพนมบุตรกล่าวต่อว่า ขณะที่สำนักวรรณกรรมจะสนับสนุนการผลิตหนังสือที่ดีและเป็นประโยชน์สู่สาธารณชน ส่วนงานด้านการแสดงของสำนักการสังคีต ได้จัดโครงการสังคีตสัญจรไปยังพื้นที่ต่างๆให้มีการจัดการแสดงอย่างทั่วถึง เป็นการนำพากรมศิลปากรเข้าหาประชาชนให้มากขึ้น สำหรับงานของสำนักช่างสิบหมู่ ย้ำการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านช่างศิลปกรรมไทย พร้อมกันนี้จะผลิตของที่ระลึกในระดับพรีเมียม เปิดตลาดออนไลน์และออฟไลน์ จำหน่ายเป็นการผลักดันนโยบายซอฟต์เพาเวอร์ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้านหนึ่งด้วย
โดยหลังจากนี้กรมศิลปากรจะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการดำเนินงานของทุกสำนัก จะติดต่อสื่อสารกับประชาชนผ่านแอปพลิเคชัน ช่องทางออนไลน์มากขึ้น นอกจากนี้เน้นย้ำถึงการให้บริการในแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม ให้เผยแพร่ข้อมูลองค์ความรู้ที่เป็นสาระทางวิชาการ พร้อมอำนวยความสะดวกทุกรูปแบบ ส่วนปัญหาการขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ซึ่งมีขั้นตอนมากและซับซ้อน ทำให้เกิดความล่าช้า หลังจากนี้จะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดขั้นตอน หรือว่าจ้างเพื่อทำการสำรวจข้อมูล และที่สำคัญคือกรมศิลปากรจะลดความขัดแย้ง แต่สร้างการมีส่วนร่วมและความเข้าใจกับประชาชนในการอนุรักษ์ดูแลมรดกศิลปวัฒนธรรมให้คงอยู่ โดยอาศัยความร่วมมือของเครือข่าย อาสาสมัครท้องถิ่นในการดูแลรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรม.