นายสุวิทย์ วิจิตรโสภา ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา ติดตามและสอดส่องโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง ริมแม่น้ำป่าสัก ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ 22 ล้านบาท เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด
วันนี้ (22 มิ.ย.66) นายสุวิทย์ วิจิตรโสภา ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางมาลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามและสอดส่องโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำป่าสัก บริเวณหมู่ที่ 2 ตำบลบางพระครู อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรี อยุธยา ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณ 22 ล้านบาท โดยมี คณะกรรมการ ก.ธ.จ.อยุธยา สำนักงาน ป.ป.ท.เขต และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ หลังจากนั้น นายสุวิทย์ วิจิตรโสภา ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 2/2566 ณ ห้องประชุมบึงพระราม ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นายสุวิทย์ วิจิตรโสภา กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อติดตามและสอดส่องโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำป่าสัก บริเวณหมู่ที่ 2 ตำบลบางพระครู อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ความยาว 200 เมตร ซึ่งเป็นโครงการที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้รับผิดชอบ งบประมาณ 22 ล้านบาท เริ่มสัญญาเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 22 กันยายน 2566 รวมระยะเวลาดำเนินการ 300 วัน สำหรับการก่อสร้างเขื่อนดังกล่าว ปัจจุบัน มีความคืบหน้ากว่า 82.35% ซึ่งถือว่าเร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ 22.83%
ทั้งนี้ จากติดตามและสอดส่องการก่อสร้างนี้ พบว่า โครงสร้างได้มาตรฐาน มั่นคง ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ในการป้องกันการกัดเซาะริมตลิ่ง ในขณะเดียวกัน จะป้องกันการทรุดตัวของดินในหน้าแล้งอีกด้วย โดยภาพรวมโครงการนี้ถือว่าเป็นไปตามแผนและเป็นประโยชน์ชัดเจน จากนี้จะไปดูในรายละเอียดอีกทีว่าประเด็นไหนที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ทางกรรมการ ก.ธ.จ. จะให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ตามแนวทางที่ควรต่อไป
นอกจากนี้ ประโยชน์ในการป้องกันน้ำกัดเซาะตลิ่งทรุดแล้ว ยังบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน วัด และโรงเรียน ที่อยู่ตามแนวเขื่อนดังกล่าว
อีกทั้งตอบสนองความต้องการของชุมชน เมื่อฤดูน้ำหลากตลิ่งก็จะถูกน้ำกัดเซาะจากกระแสน้ำที่ไหลแรง และเมื่อถึงฤดูแล้งปริมาณน้ำลดก็จะเกิดปัญหาตลิ่งทรุดตัว ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์การทรุดตัวตามแนวตลิ่งริมแม่น้ำป่าสัก มีการขยายตัวเป็นวงกว้างขึ้นในแต่ละปี ซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้สิ่งก่อสร้างของทางประชาชนเกิดความเสียหายและพังทลายได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งเพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้น ความยาว 200 เมตร เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ติดตามพบว่าโครงการยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยเน้นย้ำให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คำนึงถึงรายละเอียดของมาตรฐานที่ควรจะเป็น เพื่อให้การใช้งบประมาณเกิดความคุ้มค่า และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป
สุขุม แก้วกุดั่น อยุธยา