กรมควบคุมโรค ติดตามสถานการณ์ “โรคฝีดาษวานร” อย่างใกล้ชิด หลังพบเด็กแถบแอฟริกากลาง มีอัตราการป่วยติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น พร้อมเฝ้าระวังการแพร่ระบาดทั้ง 2 สายพันธุ์ในไทย
วันที่ 15 สิงหาคม 2567 มีรายงานว่า กรมควบคุมโรค ติดตามสถานการณ์โรคฝีดาษวานรอย่างใกล้ชิด หลังพบอัตราการป่วยติดเชื้อสูงในเด็กประเทศแถบแอฟริกากลาง ฝีดาษวานรแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ (clade 1) ที่พบการระบาดในแอฟริกากลาง และแอฟริกาตะวันออกเป็นหลัก มีอัตราป่วยตายสูง สถานการณ์ผู้ป่วยในทวีปแอฟริกา ปี 2565-2567 ผู้ป่วยสะสม 14,250 ราย เสียชีวิต 456 ราย ขณะที่ประเทศไทยยังไม่พบสายพันธุ์ดังกล่าว
สายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทย และทั่วโลกในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา คือ สายพันธุ์ (clade 2) การติดต่อส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดทางเพศสัมพันธ์ และสำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย ตั้งแต่มกราคม 2567 – 10 สิงหาคม 2567 มีผู้ป่วยสะสม 140 ราย เสียชีวิต 3 ราย ผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี ปี 2565-2567 มีผู้ป่วยสะสม 827 ราย เสียชีวิต 11 ราย
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้มีการเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานร ทั้ง 2 สายพันธุ์ และจับตาสถานการณ์การระบาดในประเทศแถบแอฟริกากลางอย่างต่อเนื่อง
คำแนะนำในการป้องกันโรคฝีดาษวานร ได้แก่
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนไม่รู้จัก
- ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วย เช่น เสื้อผ้า ผ้าขนหนู เครื่องนอน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีผื่นสงสัยโรคฝีดาษวานร
- ไม่คลุกคลี หรือสัมผัส ตุ่ม หนอง หรือบาดแผลของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือซากสัตว์ป่า และบริโภคเนื้อสัตว์ปรุงสุก และหลีกเลี่ยงไปในสถานที่ที่อาจเสี่ยงติดโรคฝีดาษวานร
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่ระบาด ให้เฝ้าระวังและสังเกตอาการตนเองเบื้องต้น หากมีผื่น มีตุ่มน้ำ ตุ่มหนองขึ้นบริเวณรอบๆ มือ เท้า หน้าอก ใบหน้า ปาก หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ประกอบกับมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณหลังหู คอ ขาหนีบ ให้รีบเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลทันที พร้อมยืนยันมีความพร้อมระบบการดูแลรักษาโรคฝีดาษวานรทั่วประเทศ
นอกจากนี้ เนื่องจากเป็นเดือนแห่งวันแม่ ขอเน้นการป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ใน 3 โรค ที่ว่าที่คุณแม่มือใหม่ควรรู้ เพื่อป้องกันลูกรัก ได้แก่ เอชไอวี ซิฟิลิส และไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์การถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 1.72 (เป้าหมาย <ร้อยละ 2)
ซิฟิลิสในหญิงตั้งครรภ์ ปี 2566 เพิ่มขึ้น 5 เท่า จากปี 2561 จากร้อยละ 0.26 เป็น 1.30 ซิฟิลิสแต่กำเนิด ปี 2565 เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากปี 2561 จากอัตราป่วย 40.0 เป็น 131.8 ต่อเด็กเกิดมีชีพแสนคน (เป้าหมาย ≤50 ต่อเด็กเกิดมีชีพแสนคน) และไวรัสตับอักเสบบี จากแม่สู่ลูก ปี 2565 อยู่ที่ร้อยละ 0.93 (เป้าหมาย ≤ ร้อยละ 2)
ซึ่งทั้ง 3 โรค หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ หากไม่ได้รับการรักษา สามารถส่งต่อเชื้อซิฟิลิส เอชไอวี และไวรัสตับอักเสบบี ให้ลูกได้ คำแนะนำมีดังนี้
- แนะนำฝากครรภ์โดยเร็วที่สุด ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ เพื่อคัดกรองตรวจหาการติดเชื้อซิฟิลิส เอชไอวี และไวรัสตับอักเสบบี
- ชวนคู่มาตรวจคัดกรองตรวจหาการติดเชื้อ ทั้ง 3 โรค
- หากมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์ แนะนำให้คู่สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง แม่ติดเชื้อควรรับการรักษาโดยเร็วที่สุด และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันส่งต่อเชื้อสู่ลูกรัก.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/
This is a topic which is forthcoming to my fundamentals… Diverse thanks! Unerringly where can I notice the acquaintance details an eye to questions?
buy amoxicillin cheap – amoxicillin for sale online order amoxil sale
More posts like this would add up to the online time more useful.
Greetings! Very productive recommendation within this article! It’s the scarcely changes which will make the largest changes. Thanks a a quantity in the direction of sharing!
cheap diflucan 100mg – https://gpdifluca.com/ diflucan 100mg ca
order cenforce 50mg pills – cenforce online cenforce 100mg oral