เหยื่อหมอดูฮวงจุ้ยชื่อดังทยอยเข้าแจ้งความกองปราบปรามต่อเนื่องกว่าสิบรายแล้ว ยอดความเสียหายพุ่งทะลุ 70 ล้านบาท ส่วนใหญ่ให้การทิศทางเดียวกัน ถูกทักว่ากำลังจะมีเคราะห์ ต้องบูชาวัตถุมงคล หรือปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยเพื่อแก้เคล็ดจะทำให้ชีวิตดีขึ้น เอาความเชื่อคนมาเป็นจุดอ่อนหลอกลวงเงิน พฤติกรรมการแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อให้ได้เงินจากเหยื่อ เข้าข่ายฉ้อโกง แต่ยังไม่เรียกมาสอบ ต้องรอคำสั่งโอนคดีอย่างเป็นทางการก่อน เหยื่อแฉคิดค่าดูฮวงจุ้ย 5.5 หมื่น หลังไปดูที่ปลูกบ้านบอกมีดินในป่าช้าผสมต้องทำพิธีชำระล้าง และซื้อสิงห์คู่อีก 3 แสน หลังโอนเงินหายหัวติดต่อไม่ได้
กรณีนางแสงเดือน วงษ์สมบูรณ์ อายุ 77 ปีแม่ และ น.ส.รัตนาภรณ์ วงษ์สมบูรณ์ อายุ 49 ปีลูกสาว เข้าแจ้งความตำรวจ สน.บางกอกน้อย ดำเนิน คดีนายธนวันต์ จิรเจริญเวศน์ หมอฮวงจุ้ยชื่อดัง สำนักซินแสดูบ้าน (ตี่ลี่-ฮวงจุ้ย) บ้านอาจารย์จิรเจริญเวศน์ หลอกดูฮวงจุ้ยตุ๋นเอาเงินไปกว่า 60 ล้านบาท เบื้องต้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เห็นว่ามีผู้เสียหายหลายท้องที่และความเสียหายจำนวนมาก สั่งให้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.เข้าไปดูแลคดี และมอบหมายให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ดำเนินการ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าจาก สน.บางกอกน้อย เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 5 พ.ย. พ.ต.อ.ณัฐพัฒน์ ธรรมชุตินันท์ ผกก.สน.บางกอกน้อย เผยว่า เนื่องจากขณะนี้มีผู้เสียหายจำนวนมากจากหลายพื้นที่ รวมถึงมูลค่าความเสียหายสูง กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง เข้ามาทำคดีดังกล่าว พนักงานสอบสวน สน.บางกอกน้อย อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลและส่งสำนวนคดีที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ส่งไปให้ตำรวจสอบสวนกลางรวบรวมทำคดีทุกท้องที่เกิดเหตุ ตามคำสั่ง บช.น.
ต่อมาเวลา 14.00 น.ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.กล่าวถึง ความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายถูกหมอดูฮวงจุ้ยชื่อดังหลอกเงิน ทยอยเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวนกองปราบฯต่อเนื่อง แบ่งเป็นหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมจำนวนผู้เสียหายขณะนี้มีมากกว่า 10 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 70 ล้านบาท
“จากการสอบปากคำผู้เสียหายส่วนใหญ่ให้การไปในทิศทางเดียวกันคือ ถูกหมอดูฮวงจุ้ยทักว่ากำลังจะมีเคราะห์ ต้องบูชาวัตถุมงคล หรือปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัย เพื่อแก้เคล็ดทำให้ชีวิตดีขึ้น คล้ายกับการเอาความเชื่อของคนมาเป็นจุดอ่อนในการหลอกลวงเงิน โดยเฉพาะพฤติกรรมการแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อให้ได้เงินมาจากเหยื่อ รวมไปถึงการหลอกให้ผู้เสียหายสั่งซื้อวัตถุมงคล แต่กลับไม่ได้รับสินค้า พฤติกรรมทั้งหมดเหล่านี้อาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง” รอง ผบก.ป.กล่าว
พ.ต.อ.เอนกกล่าวอีกว่า สำหรับคดีดังกล่าวเดิมอยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน สน.บางกอกน้อย หลังจากนี้พนักงานสอบสวนกองปราบฯอยู่ระหว่างทำหนังสือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้พิจารณาโอนสำนวนคดีดังกล่าวมาอยู่ในความรับผิดชอบของกองปราบปราม เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก หลากหลายพื้นที่ และคดีมีความละเอียดซับซ้อน ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะออกหมายเรียกหมอดูฮวงจุ้ยชื่อดังที่ถูกกล่าวหามาให้ปากคำหรือไม่ พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ในส่วนนี้คงต้องสอบปากคำผู้เสียหาย เพื่อนำไปพิจารณาข้อเท็จจริงร่วมกับพยานหลักฐานต่างๆ ให้แน่ชัดก่อนว่า เรื่องทั้งหมดมีข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร รวมถึงต้องรอให้ขั้นตอนการโอนย้ายสำนวนคดีมาอยู่ในความรับผิดชอบของกองปราบปรามเสียก่อน จึงจะพิจารณาในส่วนของขั้นตอนดังกล่าวอีกครั้งว่า จะดำเนินการอย่างไร
ต่อมาเวลา 16.30 น. นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ พา น.ส.พรพรรณ ประทีปาพรณรงค์ อายุ 31 ปี แม่ค้าออนไลน์และผู้เสียหายรวม 4 คน เข้าพบ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.เพื่อแจ้งความ ดำเนินคดีกับนายธนวันต์ จิรเจริญเวศน์ หมอฮวงจุ้ยชื่อดัง น.ส.พรพรรณกล่าวว่า เมื่อกลางปี 2566 ขณะกำลังจะสร้างบ้านไปเจอซินแสคนดังกล่าวทางทีวีและในโซเชียลมีเดีย เกิดความเลื่อมใสติดต่อให้มาช่วยดูฮวงจุ้ยสถานที่สร้างบ้าน คิดราคาค่าดู 55,000 บาท ทักว่าที่ตรงนี้ดินไม่ดีอาจมีดินจากป่าช้าปะปนมา ต้องทำพิธีล้างดินให้สะอาดหรือซื้อสิงห์คู่รวม 3 แสนบาท อ้างว่าถ้าโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวจะโอนเงินคืนเป็นส่วนลด 1 แสนบาท แต่จนถึงบัดนี้ยังไม่ได้ทั้งสิงห์และเงินส่วนลด ทวงถามกลับบ่ายเบี่ยงจนมาเจอข่าวอาม่าถูกซินแสคนดังกล่าวหลอกลักษณะเดียวกัน จึงมาแจ้งความ
ด้านทนายไพศาลกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ซินแสคนดังกล่าวมาขอคำปรึกษาคดีให้คำแนะนำไป จากนั้นไม่ได้ติดต่อกันมานาน กระทั่งล่าสุดโทร.มาขอคำปรึกษากรณีถูกอาม่าแจ้งความ บอกไปว่าหากไม่ได้ทำผิดให้รีบออกมาชี้แจงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จากนั้นไปออกรายการโหนกระแส อีกวันถึงมีข่าวว่าทนายไพศาลไปเป็นทนายให้ซินแส เอารูปคู่กับตนไปโพสต์ ตนโทร.ไปบอกว่าอย่าเอาชื่อตนไปแอบอ้าง ยืนยันตรงนี้เลยว่า ไม่ได้เป็นทนายให้
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/