พังงา – หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ โต้กลับกรณี “ทราย สก๊อต” โพสต์ข้อความผ่านโลกออนไลน์ หลายประเด็นไม่เป็นความจริง สร้างความเสียหายภาพลักษณ์ท่องเที่ยว พร้อมยืนยันไม่มีการใช้แรงงานเด็กโดยเด็ดขาด แต่อาจมีช่วยเหลือหรือให้คำแนะนำนักท่องเที่ยว เป็นไกด์ตัวน้อยๆ ช่วยถือกระเป๋าบ้าง เป็นความสมัครใจ ได้รับค่าตอบแทน
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีผู้ใช้ Facebook โพสต์ The Echo ระบุว่า “ญาติเด็กหนุ่มไทยมอแกนเผย หลานชายถูก “ทราย สก๊อต” ชักชวนดำน้ำตัวเปล่าทำคอนเทนต์เก็บขยะโดยไม่ขออนุญาตพ่อแม่ — อุทยานหมู่เกาะสุรินทร์ยืนยันไม่มีการจ้างแรงงานเด็ก ขณะที่บริษัททัวร์ปฏิเสธการสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากเด็กอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) จัดทำรายงานถึงนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกรณีที่นายสิรณัฐ สก็อต หรือ “ทราย สก๊อต” เผยแพร่ข้อความและภาพผ่านเพจ ทราย – Merman ? (มนุษย์เงือก) ว่า รู้สึกอึดอัดที่จะไปอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เนื่องจากมีการใช้แรงงานเด็กและการละเมิดสิทธิเด็ก โดยบริษัททัวร์ให้เด็กถอดเสื้อถ่ายภาพกับนักท่องเที่ยวหญิง

นายเกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ชี้แจงว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยรายละเอียดแต่ละประเด็นมีดังนี้
1. การอยู่อาศัยของชาวไทยมอแกน: ในอดีตพี่น้องชาวไทยมอแกนจะใช้ชีวิตอยู่บนเรือกะบางเป็นหลัก ในช่วงฤดูมรสุมจะขึ้นมาอาศัยตามเกาะต่างๆ โดยการทำที่อยู่อาศัยเป็นเพิงพักชั่วคราว ต่อมาหลังเกิดเหตุการณ์สึนามิส่งผลกระทบต่อชาวไทยมอแกนเป็นอย่างมาก ทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์จึงได้ขอความร่วมมือให้มาอยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง บริเวณอ่าวบอนใหญ่ เกาะสุรินทร์ใต้ เพื่อที่จะได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยในปัจจุบันมีหน่วยงานราชการที่คอยสนับสนุน ดูแลคุณภาพชีวิตและการศึกษาให้แก่ชาวไทยมอแกน มีศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยมอแกน (หลักสูตร กศน.) ครูประจำ 4 อัตรา และศูนย์สาธารณสุขมูลฐาน มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำ 1 อัตราตลอดทั้งปี
2. การจ้างแรงงาน: ทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์จ้างแรงงานชาวไทยมอแกนซึ่งทั้งหมดเป็นแรงงานผู้ใหญ่ ในอัตราค่าจ้างวันละ 200-250 บาท โดยเริ่มทำงานเวลาประมาณ 09.00 – 14.00 น. รวม 5 ชั่วโมง ลูกหลานมักจะมากับพ่อแม่หรือญาติ ทางอุทยานแห่งชาติจัดอาหารเช้าและกลางวันเลี้ยงทุกวัน ในแต่ละวันชาวไทยมอแกนที่ทำงานกับอุทยานแห่งชาติจะนำอาหารกลับไปฝากครอบครัว โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

ส่วนการจ้างของบริษัททัวร์ อัตราค่าจ้าง 8,000 – 12,000 บาท ไม่รวมค่าทิปที่ได้จากนักท่องเที่ยว
ชาวไทยมอแกนที่ทำงานกับบริษัททัวร์ ส่วนใหญ่จะเป็นคนขับเรือหางยาวพานักท่องเที่ยวไปเล่นน้ำ น้องๆ ก็จะตามมาเล่นน้ำซึ่งไม่ได้มาเป็นประจำทุกวัน โดยทางบริษัททัวร์ยืนยันว่า ไม่มีการจ้างหรือใช้แรงงานเด็กแต่อย่างใด
3. การช่วยเหลือเคลื่อนย้ายผู้เสียชีวิต: ทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ได้ประสานกับนายตะวัน กล้าทะเล ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านมอแกนซึ่งเป็นญาติกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ผู้เสียชีวิต โดยนายตะวันแจ้งว่า หลังทราบข่าวการเสียชีวิตของหลาน ตนได้นำเรือหางยาวส่วนตัวขึ้นฝั่งเพื่อที่จะไปเคลื่อนย้ายร่างและทำเอกสารต่างๆ ไม่ได้มาติดต่อขอความช่วยเหลือจากอุทยานแห่งชาติเนื่องจากมองว่า สามารถดำเนินการเคลื่อนเองได้ ยกเว้นถ้ามีความจำเป็นเร่งด่วนในฤดูมรสุมจึงจะขอรับการสนับสนุนจากทางอุทยานแห่งชาติ บริษัททัวร์ยังชี้แจงผ่านอุทยานแห่งชาติถึงประเด็นที่ทรายกล่าวหาว่า มีการใช้ประโยชน์จากเด็ก โดยให้เด็กผู้ชายถอดเสื้อเพื่อที่จะถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยวผู้หญิง ทางบริษัททัวร์ยืนยันว่า ไม่เคยมีการบังคับหรือจ้างวานเด็กดังข้อกล่าวหา โดยวิถีชีวิตของผู้ชายชาวไทยมอแกนที่ขับเรือหางยาว หรือพานักท่องเที่ยวเล่นน้ำ หลังจากทำงานเสร็จก็มักจะถอดเสื้อเพื่อให้ตัวแห้ง แต่ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อที่จะถ่ายภาพกับนักท่องเที่ยว

ในวันนี้ (4 พฤษภาคม 2568) หลังจากทรายโพสต์ Facebook เกี่ยวกับชาวไทยมอแกนที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ผู้ปกครองพาเด็กหนุ่มอายุ 18 ปีมาพบหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเพื่อแจ้งว่า ทรายชักชวนหลานชายไปดำน้ำเพื่อถ่ายทำคอนเทนต์โดยไม่ขออนุญาต ทั้งนี้เมื่อวันที่ 6-9 กุมภาพันธ์ 2567 ทรายได้แจ้งมายังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ว่า จะเข้ามาสำรวจ / ติดตามสถานภาพทรัพยากรใต้น้ำ / เก็บขยะ ขณะนั้นหลานชายอายุเพียง 17 ปี ทราย สก็อต พร้อมทีมงานชักชวนเด็กชาวไทยมอแกน 2 คนไปดำเก็บขยะใต้น้ำเพื่อถ่ายทำคอนเทนต์ เด็กหนุ่มหนึ่งในสองคนเล่าว่า พี่ทรายแจ้งว่า จะชวนไปถ่ายทำคอนเทนต์ร่วมกันเก็บขยะใต้ทะเล ใช้วิธีดำน้ำแบบตัวเปล่า (Freediving) ในการถ่ายทำคอนเทนต์ พี่ทรายไม่ได้ให้ค่าจ้างเป็นเงิน แต่ให้เป็นสิ่งของแทนได้แก่ แว่นตา กางเกง และเสื้อคนละ 1 ชุด ในวันต่อมาพี่ทรายจะนัดเด็กๆ ไปดำน้ำเก็บขยะอีก แต่น้องๆ บอกว่าเหนื่อย โดยพี่ทรายก็เจรจาชักชวนอีก 2-3 ครั้งว่า ให้ไปช่วยอีกวัน แต่น้องๆ ยืนยันว่า ไปไม่ไหวจึงมีการถ่ายทำคอนเทนต์กับเด็กๆ เพียงวันเดียว การติดต่อเด็กชาวไทยมอแกนไปถ่ายทำคอนเทนต์ ทรายไม่ได้แจ้งให้อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ทราบแต่อย่างใด
ล่าสุด นายเกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทราย สก็อต ที่มีความเป็นห่วงชุมชนชาวมอแกนบริเวณเกาะสุรินทร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเด็กๆ เรื่องของคุณภาพชีวิตและเรื่องทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่หมู่เกาะสุรินทร์ ซึ่งตนเองคาดว่าข้อมูลที่ออกไปจากมีการคลาดเคลื่อนในหลายประเด็น อย่างเช่น ประเด็นที่ 1 เรื่องของชุมชนมอแกนที่อาศัยอยู่ เดิมทีชุมชนมอแกนเป็นชุมชนที่ชาวเลอาศัยอยู่ไม่ได้มีพื้นที่เป็นหลักแบ่งที่อยู่อาศัยบนฝั่งแต่ก็จะอาศัยอยู่ในเรือกาบบางของชาวมอแกนของแต่ละครัวเรือน แต่เมื่อพอถึงฤดูมรสุมก็จะมาตั้งที่อยู่อาศัยชั่วคราวตามหาดต่างๆ ของหมู่เกาะสุรินทร์หลังจากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 ซึ่งเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ซึ่งทางอุทยานได้ขอความร่วมมือให้มาอยู่อาศัยที่อ่าวบอนใหญ่ เพื่อที่จะให้ชุมชนอาศัยอยู่เป็นระเบียบและให้หน่วยงานต่างๆ ได้เข้าช่วยเหลือดูแลให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เช่น ทางโรงเรียน สกร. หรือโรงเรียนกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เข้ามาจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนชาวมอแกนและมีครูประจำอยู่บนเกาะจำนวน 4 คนโดยจะมีการเรียนการสอนเป็นประจำ และยังมีศูนย์สาธารณสุขมูลฐาน ที่ได้ส่งคุณหมอเข้ามาอยู่ประจำ และยังมีองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเกาะพระทอง ที่จะเข้ามาสร้างศูนย์การเรียนรู้ของเด็กเยาวชนชาวมอแกน
ส่วนประเด็นที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องใช้แรงงานเด็กทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์และบริษัททัวร์ต่างๆ ไม่มีการใช้แรงงานเด็กโดยเด็ดขาด ซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคนที่เข้าไปท่องเที่ยวยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ชุมชนมอแกน ก็จะเห็นเด็กๆ เข้ามาช่วยเหลือหรือให้คำแนะนำหรือเป็นไกด์ตัวน้อยๆ หรือก็เป็นเด็กๆ ที่ตามพ่อแม่ไปช่วยทำงานที่เกาะสุรินทร์ ก็จะเห็นว่าเขาจะช่วยถือกระเป๋าบ้าง ก็จะเป็นความสมัครใจ และก็จะได้รับค่าตอบแทนจากนักท่องเที่ยว หรือเป็นทริปเล็กๆ น้อยๆ จากนักท่องเที่ยว แต่ก็จะไม่มีการจ้างงานหรือการบังคับใช้แรงงานเด็กเป็นเด็ดขาด
ในส่วนที่ว่าจ้างชาวชุมชนชาวมอแกน ในส่วนอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์มีการจ้างแรงงานชาวชุมชนหมู่เกาะสุรินทร์เข้ามาช่วยงานตกเฉลี่ยชั่วโมงนึง 200-250 บาท และมีการเลี้ยงอาหารเช้าและเที่ยงถึงเย็น และบางส่วนก็จะพากับข้าวกลับไปเลี้ยงให้กับครอบครัวชาวชุมชนมอแกน

ในส่วนของบริษัททัวร์ให้ปากคำก็จะมีการจ้างเป็นแรงงานหลายอย่างที่เฉลี่ยมีเงินเดือนประมาณ 9,000 บาทขึ้นไป ที่ยังไม่รวมค่าทิปและเงินค่าพิเศษอื่นอีก
และอีกประเด็นที่มีการอ้างว่าให้ชาวชุมชนชาวมอแกน ถอดเสื้อถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว นั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งบางทีที่เราไปเห็นที่ชุมชนชาวมอแกน ซึ่งทางชุมชนบางคนเขาก็ไม่ชอบใส่เสื้อซึ่งก็จะมีภาพที่นักท่องเที่ยวไปขอถ่ายรูปบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีการบังคับกันก็อยากให้มีความเข้าใจตรงกัน
ที่มา ไทยรัฐ