ตำรวจคุมตัวหนุ่มมือตบพยาบาลส่งอัยการฟ้องศาล หลังลูกเมียไปเยี่ยมยายป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ถูกไล่ออกจากห้องไอซียูแล้วโมโหพร้อมยื่นประกันตัวเงินสด 4 หมื่นบาท ศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 19 มี.ค.เวลา 09.00 น. เจ้าตัวเผยขอโทษยอมรับผิดทุกเรื่อง ขณะที่สภาการพยาบาลออกแถลงฉบับที่ 2 ขอความร่วมมืองดแสดงความคิดเห็นที่บั่นทอนจิตใจพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์
จากเหตุที่นายสรรศ์พงศ์ เพชรหนุน อายุ 42 ปี ทำงานโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง พักอยู่ที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง หัวร้อนตบพยาบาลที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลระยอง หลังพยาบาลเข้าไปเตือนเมียและลูกผู้ก่อเหตุเข้าไปเยี่ยมยายที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธ์ุA อาการรุนแรง ให้ออกจากห้อง เพราะไม่อยากให้นำเด็กเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ห้องไอซียูถือเป็นพื้นที่ควบคุม ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจจนเป็นเหตุรุนแรง ผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองระยอง ต่อมาตำรวจออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อหา 2 คดีฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นและทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ผู้ก่อเหตุเข้าให้ การตำรวจเบื้องต้นอ้างว่าบันดาลโทสะที่พยาบาลพูดจาไม่ดี ส่วนอาการพยาบาลผู้เสียหายแก้วหูอักเสบรุนแรง ใบหน้าฟกช้ำ และปวดคอต้องใช้เวลารักษา 1-2 สัปดาห์ ภายหลังมีคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงพฤติกรรมญาติผู้ป่วยที่ไปใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่
ความคืบหน้าคดีเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 ก.พ. พ.ต.อ.วีพงศ์ กงแก้ว ผกก.สภ.เมืองระยอง กล่าวว่า พนักงานสอบสวนนัดนายสรรศ์พงศ์ในเวลา 09.00 น.วันที่ 21 ก.พ. เพื่อส่งตัวให้อัยการ แต่ขอเลื่อนนัดหมายออกไปเป็นช่วงบ่าย เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายบุคลากรทางการแพทย์ระหว่างปฏิบัติหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หากผู้ก่อเหตุมาพบพนักงานสอบสวนในช่วงบ่ายวันนี้ จะส่งตัวให้อัยการเพื่อส่งฟ้องศาล
ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานอัยการคดีศาลแขวงระยอง ร.ต.อ.เสฏฐวุฒิ สุทธิวัฒนมงคล รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองระยอง คุมตัวนายสรรศ์พงศ์ เพชรหนุน ผู้ต้องหา เข้าพบอัยการเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและส่งฟ้องศาลพิจารณาคดี แต่สำนวนการสอบสวนผู้เสียหายเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจึงไม่สามารถตัดสินคดีต้องรอการพิจารณา ขณะเดียวกันผู้ต้องหาขอยื่นประกันตัวใช้เงินสด 4 หมื่นบาท ศาลพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราว และนัดฟังคำตัดสินในวันที่ 19 มี.ค.เวลา 09.00 น.
ภายหลังเข้าพบอัยการนายสรรศ์พงศ์เปิดเผยว่า ยอมรับผิดทุกอย่างกับสิ่งที่ทำ และขอโทษผู้เสียหายแล้ว ตอนนี้ให้การกับตำรวจและอัยการกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมจะเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย จากนั้นรีบขับรถเก๋งกลับทันที
จากเหตุการณ์ดังกล่าวสภาการพยาบาลและโรงพยาบาลหลายแห่งออกแถลงการณ์ประณามการใช้ความรุนแรงต่อผู้ประกอบวิชาชีพ และเรียกร้องให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้ทำร้ายร่างกายพยาบาลให้ถึงที่สุดผ่านเว็บไซต์ของแต่ละโรงพยาบาล ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเห็นด้วยกับการปกป้องพยาบาล ขณะเดียวกันมีเสียงวิจารณ์การทำงานของบุคลากรในโรงพยาบาลเช่นเดียวกัน
ล่าสุดสภาการพยาบาลออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ระบุว่า สภาการพยาบาลพร้อมสนับสนุนการดำเนินคดี ตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด เพื่อปกป้องและสร้างความปลอดภัยแก่พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ สภาการพยาบาลพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบ เนื่องจากพฤติการณ์แห่งคดีส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจ และความมั่นใจในการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพและบุคลากรสาธารณสุข สภาการพยาบาลใคร่ขอความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์โปรดหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่อาจเป็นการบั่นทอนกำลังใจของบุคลากรสาธารณสุขในภาพรวม และขอตระหนักว่าการให้เกียรติและเคารพในสิทธิของผู้ให้บริการ และผู้รับบริการจะเป็นพื้นฐานสำคัญของกระบวนการรักษาพยาบาล อันจะส่งผลดีต่อสุขภาพประชาชน และความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขไทยอย่างแท้จริง
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/