อธิบดีดีเอสไอเผยที่ประชุมมีมติเอกฉันท์สั่งฟ้องผู้ต้องหากลุ่ม บอส “ดิ ไอคอน” ทั้ง 18 ราย แจ้ง 4 ข้อหาฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน-แชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.คอมฯ-พ.ร.บ.ขายตรง ส่งสำนวนอัยการ 23 ธ.ค. เอกสารมากกว่า 3 แสนแผ่น ความเสียหายทะลุ 1,644 ล้านบาทเศษ และจำนวนผู้เสียหายทั้งหมด 7,875 ราย และจะแยกสำนวนออกอีกหนึ่งสำนวน เพราะพบความผิดส่วนหนึ่งเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร เบื้องต้นพบผู้เสียหายแล้ว 10 ราย
ภายหลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ รับคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป เป็นคดีพิเศษรับมอบสำนวนจากตำรวจสอบสวนกลางเมื่อวันที่ 28 ต.ค. ขณะที่กลุ่มผู้ต้องหา 18 บอส นำโดยนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เจ้าของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด นายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร รวมถึงลูกข่ายและผู้เกี่ยวข้องยังอยู่ในเรือนจำ โดยดีเอสไอกำหนดว่าจะสรุปสำนวนการสอบสวนส่งอัยการในวันที่ 23 ธ.ค.ในส่วนการดำเนินคดีอาญา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 ธ.ค. กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ และนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกันประชุมสรุปสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณีการดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก 18 คน
หลังประชุม พ.ต.ต.ยุทธนาเผยว่า ได้ประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษาตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษแต่งตั้ง ที่ประชุมมีความเห็นว่าการสอบสวนคดีนี้ ได้รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเสร็จสิ้น ข้อเท็จจริงฟังเป็นที่ยุติแล้ว มีการปรับข้อเท็จจริงเข้ากับข้อกฎหมาย ชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทุกฝ่ายและการแก้ข้อกล่าวหา ทำให้ที่ประชุมมีมติสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย และอีก 1 นิติบุคคลฐานฉ้อโกงประชาชน, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ, พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 จะได้นำส่งสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้องให้พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ในวันที่ 23 ธ.ค. ทั้งนี้ จะแยกสำนวนออกเป็นอีกหนึ่งสำนวน เพราะพบความผิดส่วนหนึ่งเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย ถูกสั่งฟ้องร่วมกันทั้งหมด
อธิบดีดีเอสไอกล่าวต่อว่า การมีมติสั่งฟ้องในวันนี้ คณะพนักงานสอบสวนได้นำการแก้ข้อกล่าวหาและข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ของผู้ต้องหามาพิจารณาทั้งหมด รวมถึงสำนวนการสอบปากคำพยานของผู้ต้องหาด้วย จำนวนพยานของผู้ต้องหาทำเข้าสำนวนมีประมาณ 50 ราย ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกเป็นเครือข่ายดิ ไอคอน และเป็นรายที่ต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของบรรดา 18 บอส ส่วนก่อนหน้านี้ที่ทนายความผู้ต้องหาบอกจะพาพยานทยอยเข้ามาให้ดีเอสไอสอบปากคำวันละ 200 รายนั้น
ดีเอสไอได้ดูประเด็นว่ามีประเด็นซ้ำหรือไม่ เท่าที่รับฟังหากไม่ใช่ประเด็นการพิสูจน์ความผิดหรือแก้ข้อกล่าวหาในคดี จะรวบรวมไว้เฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องคงไม่สามารถสอบปากคำได้ทุกราย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าประเด็นที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายผู้ต้องหาได้นำมาชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานแล้วเห็นว่าไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้ รวมไปถึงคำแก้ข้อกล่าวหาทุกรายทุกกรณีด้วย ผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย ได้ส่งหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาครบทุกราย ส่วนรายละเอียดคำให้การ ไม่สามารถเปิดเผยได้
พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวต่อว่า ส่วนข้อเน้นย้ำที่ทำให้คณะพนักงานสอบสวนมีมติสั่งฟ้องคือ มีลักษณะพฤติการณ์แผนธุรกิจเน้นหาสมาชิกมากกว่าการเน้นขายผลิตภัณฑ์สินค้า เนื่องจากได้ตรวจดูเรื่องรายได้ส่วนใหญ่มาจากการที่ขายสินค้าให้กับหมู่สมาชิกด้วยกัน จำนวนสินค้าที่ไปยังผู้บริโภคนั้นน้อย แต่แท้จริงยังมีอีกหลายประเด็นเพียงแค่ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยรายละเอียดในสำนวน ส่วนกรณีที่กล่าวอ้างถึงการเก็บสินค้าในสต๊อกโกดังมีจำนวนจริงเท่ากับจำนวนลูกค้าหรือไม่นั้น ในส่วนนี้ได้สอบสวนเข้าในสำนวนเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องความมั่นใจในการสรุปสำนวนพร้อมความเห็นทางคดีสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 18 รายต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษ คณะพนักงานสอบสวนมีความเห็นตรงกันว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสั่งฟ้องผู้ต้องหา ส่วนขั้นตอนอื่นเป็นการพิจารณาของพนักงานอัยการและศาล การจะพิจารณาตัดสินว่าผิดหรือถูกก็เป็นศาลที่เป็นผู้พิจารณา
พ.ต.ต.ยุทธนายังกล่าวถึงความคืบหน้าสำนวนการสอบสวนกรณีฟอกเงินทางอาญาของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด หรือคดีพิเศษที่ 115/2567 กรณีที่มีรายงานข่าวปรากฏเส้นทางการเงินหวานใจนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช มีการรับโอนเงินจากบอสดิ ไอคอน ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล แต่ยอมรับว่ามีการกระทำคล้ายกับของมารดา คือใช้บัญชีธนาคารนี้รับผลประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจดิ ไอคอน รับโอนมาจากบอสพอล ส่วนห้วงเวลารับโอนอยู่ในช่วงใกล้เคียงกัน ส่วนความถี่ในการรับโอนเป็นรายเดือนหรือไม่นั้น ขอเรียนว่ามีลักษณะคล้ายกัน ยอดเป็นหลักล้านบาท สำหรับการออกหนังสือเชิญหวานใจนายสามารถมาให้ปากคำ จะดำเนินการอย่างแน่นอน
ด้านนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน กล่าวว่า การเตรียมจะแยกสำนวนออกมาเป็นอีกหนึ่งสำนวน เนื่องด้วยพบความผิดบางส่วนเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรนั้น เพราะคดีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำ 2 ส่วน ส่วนแรกคือกรณีที่ดีเอสไอรับดำเนินการในคดีพิเศษ มีผู้เสียหายประมาณ 7,000 ราย อัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเป็นไปตามที่อัยการสำนักงานการสอบสวนได้เสนอ จึงเรียกว่าเป็นความผิดในราชอาณาจักร คือ ดีเอสไอสรุปสำนวนสั่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ส่วนกรณีที่ปรากฏผู้เสียหายอยู่ที่ต่างประเทศ หรือนอกราชอาณาจักรนั้น ขณะนี้พบเบื้องต้นแล้ว 10 ราย จำเป็นต้องแยกสำนวนดำเนินการตามคำสั่งอัยการสูงสุด และคดีนอกราชอาณาจักรนี้ตนได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าพนักงานอัยการ เพื่อสอบสวน หากดำเนินการเสร็จสำนวนคดีนี้จะส่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อมีคำสั่งทางคดี ดังนั้น สำนวนคดีดิ ไอคอน ที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ถือเป็นการกระทำอีกส่วน และการกระทำแต่ละครั้งก็เป็นหนึ่งกระทงหรือหนึ่งกรรม
นายวัชรินทร์กล่าวว่า คดีความผิดนอกราชอาณาจักร ยังคงเป็นผู้ต้องหากลุ่มเดิม คือ 18 ราย และ 1 นิติบุคคล แต่ขณะนี้การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นเพิ่งเริ่มต้น ดังนั้นหลังจากที่ดีเอสไอส่งสำนวนหลักไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษแล้ว จะเริ่มดำเนินการในส่วนของสำนวนความผิดนอกราชอาณาจักร หากมีผู้เสียหายรายใดที่อยู่ต่างประเทศใดก็ตามประสงค์ที่จะดำเนินคดี สามารถมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ สำหรับพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรจะแตกต่างจากพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักร เพราะกรณีนอกราชอาณาจักรนี้ผู้เสียหายอยู่ที่ต่างประเทศ รับรู้จากการอยู่นอกประเทศ และมีการตกลงที่จะสมัครเป็นสมาชิกและมีการโอนเงิน ในส่วนนี้จะสอบสวนขยายผลต่อไป เนื่องจากเราต้องสอบสวนปากคำพยานอีกหลายฝ่าย
มีรายงานเพิ่มเติมว่า จำนวนเอกสารหลักฐานที่คณะพนักงานสอบสวนได้ประชุมหารือพิจารณาก่อนมีมติเอกฉันท์สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย ปรากฏจำนวนเอกสารมากกว่า 300,000 แผ่น ความเสียหายทะลุ 1,644 ล้านบาทเศษ จำนวนผู้เสียหายทั้งหมด 7,875 ราย
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/