น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประชุมหารือแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่และน่าน) โดยสนับสนุน จ.น่านให้เป็นเมืองมรดกโลกเพื่อเป็นเมืองคู่แฝดหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในส่วนกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่าน ร่วมกับกรมศิลปากร กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.น่าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเครือข่ายภาคเอกชน ได้เสนอ โครงการน่านเมืองเก่ามีชีวิต สร้างสรรค์ เมืองแห่งวัฒนธรรมสู่มรดกโลก ใช้งบประมาณดำเนินการ 7 ล้านบาท ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรีแล้ว และจะเร่งดำเนินการในปี 2567
“การดำเนินงานประกอบด้วย 2 โครงการย่อย ได้แก่ 1.โครงการสร้างการรับรู้และความเข้าใจ ประวัติศาสตร์มรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่ จ.น่านสู่มรดกโลก 2 ล้านบาท มีการประชุมเพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของมรดกทางวัฒนธรรมแก่หน่วยงานรัฐ เอกชน ชุมชนและประชาชนในพื้นที่ และจัดทำหนังสือองค์ความรู้มรดกทางวัฒนธรรมของ จ.น่านและสื่อเผยแพร่ในระบบออนไลน์ 2.โครงการศึกษาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อขับเคลื่อน จ.น่านสู่มรดกโลก 5 ล้านบาท ให้มีความสอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานในการนำเสนอเป็นมรดกโลก” น.ส.สุดาวรรณกล่าว
รมว.วัฒนธรรม กล่าวอีกว่า ขณะนี้ วธ.ได้ตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการเสนอแหล่งโบราณคดีและแหล่งวัฒนธรรมของ จ.น่านให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างความเข้าใจและบทบาทหน้าที่ในการขับเคลื่อนโครงการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ และมุ่งสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ เห็นคุณค่าในความสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม และสร้างการมีส่วนร่วมแก่หน่วยงานรัฐ เอกชน ชุมชนและประชาชนในจังหวัด ซึ่งเห็นว่า จ.น่านมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และยังคงมีพื้นที่ที่มีร่องรอยหลักฐานทางโบราณคดี และมีวัดสำคัญต่างๆ เชื่อว่า นโยบายของนายกรัฐมนตรีที่มุ่งผลักดันให้ จ.น่านเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมคู่เมืองหลวงพระบาง จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในประเทศไทย ขับเคลื่อน Soft Power ด้านท่องเที่ยว ทำให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้แก่ประชาชนและชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/
