ตำรวจไซเบอร์แถลงผลงาน “ล่าข้ามโลก ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อินเดียข้ามชาติ” ตุ๋นเงินหญิงมะกันกว่า 1.7 ล้านบาท หลังผู้เสียหายมีปัญหาล็อกอินเข้าอีเมล หาเบอร์ทีมช่วยเหลือดันไปได้เบอร์มิจฉาชีพชาวอินเดีย ลวงติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบคอมพิวเตอร์ ทำทีคืนเงินค่าเสียหายเกินไปให้ ผู้เสียหายโอนกลับคืนเข้าบัญชีธนาคารในไทย เหยื่อหลงเชื่อสูญเงินไม่พอยังถูกโทร.เย้ย รีบแจ้งเอฟบีไอ ประสานตำรวจไทยอายัดเงินได้ทัน รวบตัวผู้ต้องหาชาวไทย 3 คน ถูกเอาชื่อไปจดทะเบียนบริษัทเปิด บัญชีม้านิติบุคคล ขอหมายจับ 2 หัวโจกชาวอินเดีย ประสานตำรวจสากลออกหมายแดงช่วยตามล่า
ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 2 ธ.ค. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. พร้อมผู้ช่วยทูตฝ่ายกฎหมาย สำนักงานสอบสวนกลาง สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ร่วมแถลงปฏิบัติการ “ล่าข้ามโลก ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อินเดียข้ามชาติ”
พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ม.ค.67 มีผู้เสียหายเป็นหญิงสูงอายุสัญชาติอเมริกัน พักอาศัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีปัญหาเรื่องการล็อกอินเข้าบัญชีอีเมลของไมโครซอฟต์ จึงเข้าค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของทีมช่วยเหลือจากบริษัทไมโครซอฟต์ผ่านกูเกิล พบหมายเลขโทรศัพท์จากเว็บไซต์หนึ่ง จากนั้นได้ติดต่อบุคคลปลายสายพูดภาษาอังกฤษสำเนียงคนอินเดียทำทีให้การช่วยเหลือผู้เสียหาย แล้วหลอกให้ผู้เสียหายติดตั้งโปรแกรมควบคุมการเข้าถึงคอมพิวเตอร์จากระยะไกลเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ผู้เสียหายหลงเชื่อทำตามที่คนร้ายแนะนำและกดอนุญาตให้แก้ไขข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์
จากนั้นคนร้ายแจ้งว่าได้แก้ไขบัญชีอีเมลให้เสร็จแล้ว ทางไมโครซอฟต์จะคืนให้แก่ผู้เสียหาย 49.99 USD แต่คนร้ายอ้างว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีผู้เสียหายเกินไปเป็น 49,999 USD คนร้ายจึงแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินคืนเนื่องจากใส่ตัวเลขผิด หากไม่โอนเงินคืนตัวเองจะต้องถูกไล่ออกจากบริษัท ผู้เสียหายสงสารและหลงเชื่อสุดท้ายโอนเงินคืนไปยังบัญชีนิติบุคคลของธนาคารหนึ่งในประเทศไทย จำนวน 49,840 USD หรือประมาณ 1,738,916 บาท เมื่อโอนเงินเรียบร้อย คนร้ายยังส่งข้อความเยาะเย้ยผู้เสียหายว่าถูกหลอกให้โอนเงิน
พล.ต.ท.ไตรรงค์เผยต่อไปว่า หลังเกิดเหตุผู้เสียหายติดต่อธนาคารและแจ้งเจ้าหน้าที่เอฟบีไอในสหรัฐฯตรวจสอบเส้นทางการเงิน ทำให้ทราบว่าผู้เสียหายมีบัญชีธนาคาร 2 บัญชี คนร้ายใช้โปรแกรมควบคุมระยะไกลโอนเงินของผู้เสียหายจากบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีจำนวน 49,999 USD แล้วหลอกว่าโอนผิด ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีคนร้ายที่อ้างว่าเป็นของบริษัทไมโครซอฟต์ กระทั่งเอฟบีไอประสานมายัง บช.สอท. เพื่ออายัดบัญชีและสืบสวนจับกุมคนร้าย
ต่อมาตำรวจไซเบอร์สืบสวนจนพบหลักฐานว่า มีคนร้ายกลุ่มหนึ่งในประเทศไทยใช้บัญชีธนาคารที่จดทะเบียนโดยห้างหุ้นส่วนจำกัด รับโอนเงินจากผู้เสียหายในประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังเป็นคนสัญชาติอินเดีย ใช้วิธีหลอกลวงคนไทยที่ต้องการกู้เงินให้นำเอกสารส่วนตัวไปให้ จากนั้นนำเอกสารมอบให้ตัวแทนนายหน้าไปจดทะเบียนในรูปแบบบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด แล้วนำเอกสารนิติบุคคลไปเปิดบัญชีธนาคารในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นบัญชีม้ารับเงินจากเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ สามารถโอนเงินได้ครั้งละเป็นจำนวนมากโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน อีกทั้งยังสร้างความน่าเชื่อถือเนื่องจากเป็นบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อนิติบุคคล
จากการสืบสวนพบความเชื่อมโยงของเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนร้าย เป็นบัญชีธนาคารของนายชาญ พุฒิไท กรรมการ หจก.พัลเมตโต โดยวันเกิดเหตุมีการโอนเงินจาก หจก.ทินท์ เรียลตี้ (บัญชีม้า) ไปยังบัญชีธนาคารของนายชาญ จำนวน 104,400 บาท เมื่อตรวจสอบข้อมูลบัญชีนายชาญพบว่ามีเงินถึง 1,000,048.96 บาท จึงอายัดไว้ ส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบ นอกจากนี้ยังพบว่าบัญชีธนาคารของนายชาญถูกใช้โอนเงินซื้อทองคำแท่งจากร้านทองแห่งหนึ่ง ย่านพาหุรัด กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก มีชายชาวอินเดียเป็นผู้มารับทองคำแท่งไป จึงเชื่อว่าเป็นการกระทำที่เป็นขบวนการและแบ่งหน้าที่กันทำ
กระทั่งวันที่ 20 มิ.ย. ตำรวจชุดสืบสวน กก.4 บก.สอท.2 พร้อมเจ้าที่ตำรวจกลุ่มงานสนับสนุนทางไซเบอร์ บก.ตอท. นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 4 ต.สามกอ อ.เสนา จ.พระนคร ศรีอยุธยา พบนายอาสวานิ กุมาร์ซิงห์ สัญชาติอินเดียเป็นผู้ครอบครองและพักอาศัยอยู่กับแฟนสาว ตรวจค้นภายในบ้านพบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และบัตรเอทีเอ็มเป็นชื่อบัญชีธนาคารที่ใช้กระทำผิดของผู้ร่วมขบวนการ และของกลางอื่นที่เกี่ยวข้อง จำนวน 19 รายการ ยึดไว้ตรวจสอบเพื่อหาหลักฐาน
จากการขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐาน สามารถแจ้งข้อกล่าวหาผู้กระทำผิดเป็นคนไทย 3 ราย ประกอบด้วยนายชาญ พุฒิไท อายุ 69 ปี น.ส.ประนอม สร้อยพิมพ์สิทธิ์ อายุ 59 ปี กรรมการ หจก.ทินท์ เรียลตี้ และ น.ส.สร้อย ไม้สนธิ์ อายุ 45 ปี กรรมการ หจก.ทินท์ เรียลตี้ ในความผิดฐานยินยอมให้ผู้อื่นนำบัญชีธนาคารไปใช้ เบื้องต้นทั้ง 3 รายให้การอ้างว่า ได้นำเอกสารส่วนตัว อาทิ บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ให้แก่ชายชาวอินเดียรายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ปล่อยเงินกู้ในพื้นที่ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา มาทราบภายหลังว่าถูกนำหลักฐานไปจดทะเบียนนิติบุคคลและเปิดบัญชีม้านิติบุคคล
ล่าสุด ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับชาวอินเดียตัวการสำคัญอีก 2 คน คือ นายอาสวานิ กุมาร์ซิงห์ ที่ตำรวจเข้าค้นบ้านใน จ.พระนครศรีอยุธยา กับเพื่อนร่วมแก๊งอีกคน ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน เบื้องต้นทราบว่า ทั้ง 2 คนหลบหนีไปแล้ว ได้ประสานตำรวจสากลในการออกหมายแดงเพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี
ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา และผู้แทนจากธนาคารที่สามารถประสานอายัดเงินในบัญชีของคนร้ายได้ทันเวลา ได้ร่วมกันส่งมอบเงินคืนให้แก่ตัวแทนผู้เสียหาย จำนวน 1,643,349.40 บาท โดยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและตัวแทนผู้เสียหายต่างแสดงความขอบคุณผู้บังคับบัญชาและชุดสืบสวนตำรวจไซเบอร์ที่ร่วมกันปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/