ลุง รปภ.วัย 65 เมาแล้วกร่างควักมีดไปจี้คอชาวบ้าน โดนสวนด้วยแม่ไม้มวยไทย เจ็บ
เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 20 เมษายน 2566 ร.ต.ท.สุพจน์ บุญเพ็ง รอง สวป.สภ.พระประแดง สมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณหน้าร้านขายของชำ ไม่มีเลขที่ ริมถนนสุขสวัสดิ์ ต.บางจาก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่บริเวณหน้าร้านของของชำ พบ นายวีระวัฒน์ พรมชัย อายุ 41 ปี มีแผลมีบาดที่คอเล็กน้อย และ นายเชาว์ ตากิ๋มนอก อายุประมาณ 65 ปี นั่งอยู่มีอาการมึนเมาสุรา มีแผลปูดบวมตามใบหน้า และมีแผลแตกฉีกขาดที่ริมฝีปากตรงปลายจมูก เจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงให้การปฐม พยาบาลเบื้องต้นก่อนำส่งโรงพยาบาลบางปะกอก 3 ในที่เกิดเหตุยังพบมีดปลายแหลมยาวประมาณ 25 เซนติเมตร พร้อมด้ามไม้ ที่ชาวบ้านแย้งมาจาก นายเชาว์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงตรวจยึดมีไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถามนาย วีรวัฒน์ ผู้ได้รับบาดเจ็บที่ถูกมีดบาดบริเวณคอ เล่าว่า ตนกำลังจะเดินออกไปที่ร้านขายของชำ ตนหันไปเห็น นายเชาว์ ที่อยู่ในอาการเมาสุรา เดินตามหลังมา แล้วพูดอะไรไม่รู้ตอนอยู่บริเวณร้านของชำ ตนเลยหันไปบอกว่าเมาลุงเมาแล้วไปนอน จากนั้นลุงได้ควักมีดออกมาจี้มาที่คอตน ตนเลยใช้มือปัดแล้วได้ชกต่อยกันแล้วลุงก็ล้มลง แต่ตนไม่รู้ว่าลุงแกไปเมามาจากไหนแล้วก็มาหาเรื่องตน ลุงแกเป็นแบบนี้ประจำคนในซอยโดนกันหลายคนแล้ว ลุงชอบพกมีดตัวตลอดเวลาเมาก็ชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว
ด้านนาย เชาว์ ผู้ก่อเหตุ ยังพุดคุยไม่รู้เรื่องมีอาการเมามาก ขนาดบาดเจ็บยังไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรและใครทำร้าย คิดว่าเพื่อนและลูกหลานทำร้ายร่างกายตนเอง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิฐานว่า นายเชาว์ ได้ดื่มสุราจนเมา ได้เจอกับ นายวีรวัฒน์ ที่เดินออกมา จึงเข้าไปหาเรื่อง จนมีปากเสียงทะเลาะกัน ก่อนจะควักมีดที่พกติดตัวตลอดออกมาจี้ไปที่คอของ นายวีรวัฒน์ แล้วถูกปัดจนมีดหลุดมือ ก่อนจะเกิดการชกต่อยกัน จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว จากการสอบถามชาวบ้านพบว่า นายเชาว์ เพิ่มได้งานเป็น รปภ. ชอบพกมีดติดตัวไปไหนมาไหนโดยตลอด และชอบกินเหล้าจนเมาทุกวันแล้วไปหาเรื่องชาวบ้านภายในซอย จนโดนทำร้ายอยู่หลายครั้ง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และจะเรียกตัว นายเชาว์ ผู้ก่อเหตุ หลังรักษาตัวและหายเมาแล้ว มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา:ข่าวความมั่นคงออนไลน์