ฤดูร้อน 2568 คาดเริ่มช้ากว่าปกติ ช่วงปลาย ก.พ. อุณหภูมิสูงสุด 43 องศา

ฤดูร้อน 2568 คาดเริ่มช้ากว่าปกติ ช่วงปลาย ก.พ. อุณหภูมิสูงสุด 43 องศา

กรมอุตุนิยมวิทยา เผย “ฤดูร้อน 2568” คาดเริ่มช้ากว่าปกติ ประมาณช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ และจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม โดยอุณหภูมิสูงที่สุดประมาณ 42 – 43 องศาเซลเซียส

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 มีรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย ปี 2568 โดยคาดว่า จะเริ่มช้ากว่าปกติ (ประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์) ซึ่งช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์และจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม โดยลักษณะอากาศจะร้อนอบอ้าวเป็นระยะๆ สลับกับจะมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ในบางช่วง ซึ่งจะช่วยคลายความร้อนลงได้

และจะมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ในบางวัน ส่วนมากช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน โดยอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยบริเวณประเทศไทยตอนบน 35-36 องศาเซลเซียส ซึ่งจะใกล้เคียงค่าปกติ (ค่าปกติ 35.4 องศาเซลเซียส) แต่จะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา (ช่วงฤดูร้อนปี 2567 อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 37.5 องศาเซลเซียส)

ส่วนปริมาณฝนรวมเฉลี่ยจะมากกว่าค่าปกติร้อยละ 10-20 อนึ่ง ในช่วงฤดูร้อนของทุกปี มักจะเกิดพายุฤดูร้อนในหลายพื้นที่ โดยจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกบางแห่ง ซึ่งสภาวะดังกล่าวก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนผลผลิตทางการเกษตรได้ ส่วนปริมาณฝนที่ตกนั้น มีไม่เพียงพอกับความต้องการในหลายพื้นที่ ทั้งด้านอุปโภคและบริโภค รวมทั้งด้านเกษตรกรรม โดยเฉพาะพื้นที่ที่แล้งซ้ำซากนอกเขตชลประทาน

ลักษณะอากาศทั่วไป

บริเวณประเทศไทยตอนบน ช่วงต้นและกลางเดือนมีนาคม จะมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ตอนกลางวัน กับมีหมอกหนาหลายพื้นที่ แต่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นระยะๆ แต่จะมีกำลังอ่อน ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมจนถึงกลางเดือนเมษายน จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนเป็นระยะๆ ประกอบกับในบางช่วงจะมีลมตะวันออกเฉียงใต้หรือลมใต้พัดพาความชื้นจากทะเลอ่าวไทยเข้าปกคลุม ทำให้มีอากาศร้อนอบอ้าวเกือบทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิสูงที่สุด 42-43 องศาเซลเซียส และจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นได้เป็นระยะๆ โดยจะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง รวมทั้งอาจมีลูกเห็บตกลงในบางแห่ง ซึ่งจะช่วยคลายความร้อนลง

ส่วนในช่วงกลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนฤดู จะมีลักษณะอากาศแปรปรวน โดยจะมีอากาศร้อนอบอ้าวเป็นระยะๆ กับมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากลมตะวันออกเฉียงใต้หรือลมใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะเริ่มเปลี่ยนเป็นมรสุมตะวันตกเฉียงใต้

ภาคใต้ ช่วงเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายน ลมตะวันออกหรือลมตะวันออกเฉียงใต้จะพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้เกือบตลอดช่วง ทำให้มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 – 30 ของพื้นที่ คลื่นลมทั้งอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร จากนั้นจนถึงประมาณกลางเดือนพฤษภาคม จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกร้อยละ 60 – 80 ของพื้นที่ กับจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และหนักมากในบางแห่ง คลื่นลมในทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น บางช่วงจะมีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

4,005 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You May Have Missed