พบเรือ 3 ลำ ลอยทะเลใต้ ตำรวจน้ำประกบเข้าฝั่งสงขลา

พบเรือ 3 ลำ ลอยทะเลใต้ ตำรวจน้ำประกบเข้าฝั่งสงขลา

ล่าจนเจอ เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำที่หลบหนีจากสถานีตำรวจน้ำสัตหีบ ตำรวจน้ำตามเจอเอง พบลอยลำอยู่ในน่านน้ำทับซ้อนระหว่างประเทศกัมพูชา มาเลเซีย และไทย ห่างจากชายฝั่ง จ.สงขลา ประมาณ 90 ไมล์ทะเล กำลังควบคุมกลับเข้าฝั่ง จ.สงขลา คาดว่าจะกลับมาถึงประมาณเที่ยงพรุ่งนี้ เนื่องจากเรือ 1 ใน 3 ลำเครื่องเสียต้องใช้วิธีลากจูง ตรวจสอบเบื้องต้นพบน้ำมันหายไปบางส่วน เชื่อขายให้ลูกค้าแล้ว ส่วนลูกเรือเหลืออยู่ 8 คน ล่องหนไป 8 คน ต้องรอถึงฝั่งสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมขยายผลถึงผู้อยู่เบื้องหลังขโมยเรือของกลางครั้งนี้

กรณีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ประกอบด้วยเรือ เจ.พี.บรรทุกน้ำมันเถื่อน 80,000 ลิตร เรือซีฮอต บรรทุกน้ำมันเถื่อน 150,000 ลิตร และเรือดาวรุ่ง บรรทุกน้ำมันเถื่อน 100,000 ลิตร รวมน้ำมันเถื่อน 330,000 ลิตร หายไประหว่างจอดเทียบท่ารอการดำเนินคดีบริเวณท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เบื้องตนเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่ร่วมกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนลูบคม แอบมาขับเรือหลบหนีไป พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ถึงกับควันขึ้นสั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ลงไปตรวจสอบหาคนรับผิดชอบ เบื้องต้นสั่งย้าย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน.พร้อมลูกน้องรวม 4 คนเข้ากรุ ศปก.บช.ก.ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมส่งชุดสืบสวน บก.ป.ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และสืบสวนติดตามเรือขนน้ำมันเถื่อนทั้ง 3 ลำที่หนีกลับมาดำเนินคดีตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าจากกองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 มิ.ย. พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. เปิดเผยว่า คดีนี้ในส่วนของความบกพร่องต่อหน้าที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กำลังสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมด ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำที่มีหน้าที่ ดูแลรับผิดชอบของกลางที่สูญหายไป รวมทั้งการติดตามเพื่อดำเนินคดีกับบรรดาลูกเรือที่หายไปกับเรือด้วย ส่วนนี้ทราบว่าทีมสืบสวนของกองบังคับการ ปราบปราม (บก.ป.) กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ

“ส่วนหน้าที่ของ บก.รน.คือ การติดตามหาเรือของกลางที่สูญหายไปทั้ง 3 ลำ ทั้งนี้มีการประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาตลอด ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่า มีผู้พบเห็นเรือน้ำมันของกลางทั้ง 3 ลำไปอยู่ในน่านน้ำของประเทศกัมพูชานั้น เรื่องนี้ตรวจสอบแล้วยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริง ล่าสุดจากการประสานกันระหว่าง 4 ประเทศที่มีน่านน้ำติดกันคือ ประเทศกัมพูชา ประเทศเวียดนาม ประเทศมาเลเซีย และประเทศไทย ทำให้พอทราบว่า เรือทั้ง 3 ลำน่าจะยังลอยลำอยู่ในน่านน้ำที่เป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ค่อนออกไปทางทะเลหลวงใกล้ๆกับน่านน้ำของประเทศมาเลเซีย ผมสั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วนแล้ว” ผบก.รน.กล่าว

พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีการพบเห็นคราบสีดำคล้ายๆกับคราบน้ำมันลอยอยู่ในทะเลแถวพัทยาและหาดจอมเทียน จนเกิดข้อสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับกรณีเรือน้ำมันเถื่อนสูญหายหรือไม่นั้น สั่งการให้ตรวจสอบแล้วทราบว่าคราบสีดำที่พบลอยอยู่ในทะเลนั้น ปรากฏว่าเป็นน้ำเสียที่ถูกลักลอบปล่อยลงทะเล ซึ่งจะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ต่อไป

ต่อมาเวลา 17.40 น. พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน.เผยความคืบหน้าการติดตามหาเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำที่หลบหนีไปเพิ่มเติมว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำเจอเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนทั้ง 3 ลำแล้ว พบลอยลำอยู่ในน่านน้ำทับซ้อนระหว่างประเทศกัมพูชา มาเลเซีย และไทย ห่างจากชายฝั่ง จ.สงขลา ประมาณ 90 ไมล์ทะเล เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำนำเรือตรวจการณ์เข้าประกบเพื่อนำเรือทั้ง 3 ลำกลับเข้ายังท่าเทียบเรือจังหวัดสงขลา

“จากการตรวจสอบบนเรือทั้ง 3 ลำ เบื้องต้นพบว่า เหลือลูกเรืออยู่บนเรือมีไม่ถึง 10 คน หายไปหลายคน ส่วนน้ำมันก็อยู่ไม่ครบเช่นกัน เหลืออยู่พอประมาณ ยังไม่ได้ตรวจนับ ตอนนี้ยังไม่สามารถสื่อสารอะไร ได้มาก เนืิ่องจากไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ รายละเอียด ชัดเจนว่าน้ำมันเหลือเท่าไหร่ ต้องรอนำเรือทั้ง 3 ลำ กลับเข้าจอดเทียบฝั่งก่อนถึงจะตรวจนับได้ คาดน่าจะถึงประมาณเที่ยงพรุ่งนี้” พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์กล่าว

มีรายงานข่าวด้วยว่า จากแนวทางการสืบสวนเส้นทางเรือทั้ง 3 ลำ หลังจากหลบหนีออกจากท่าเทียบเรือ ตำรวจน้ำสัตหีบแล้ว น่าจะสร้างความสับสนให้กับเจ้าหน้าที่ว่าโผล่ไปตรงนั้นตรงนี้ ก่อนย้อนเส้นทางกลับลงมาในภาคใต้ สำหรับน้ำมันที่เหลืออยู่ในเรือน้อยลง คาดว่ามีการขายไปบ้างแล้วบางส่วน ระหว่างหลบหนีอยู่บริเวณน่านน้ำพื้นที่ทับซ้อน แต่จะเป็นเรืออะไรมารับซื้อไปต้องรอการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

สำหรับขบวนการนำเรือน้ำมันเถื่อนของกลางทั้ง 3 ลำ หลบหนีออกจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบนั้น เชื่อว่าต้องมีผู้สั่งการหรือนายทุน เพราะความต้องการของผู้สั่งการไม่ได้อยู่ที่น้ำมันเถื่อน 3 แสนกว่าลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันเถื่อนที่ไม่ต่างจากน้ำมันเขียวอยู่ที่ลิตรละ 10-12 บาท รวมมูลค่าน้ำมันทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 3-4 ล้านบาทเท่านั้น แต่แท้จริงกลุ่มที่นำเรือหนีไปต้องการนำเรือทั้ง 3 ลำที่ถูกดัดแปลงแล้วไปใช้งานต่อ

ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า ยืนยันว่าพบเรือน้ำมันทั้ง 3 ลำ พร้อมลูกเรือบางส่วนเรียบร้อยแล้ว ตำรวจน้ำกำลังนำเรือเข้าฝั่งที่อำเภอเมืองจังหวัดสงขลา รายละเอียดมอบหมายให้ พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. เป็นผู้แถลงข่าวที่กอง กับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ จ.สงขลา เวลา 12.00 น. พรุ่งนี้

มีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าน้ำมันบางส่วนหายไปอยู่ไม่เต็มจำนวน และลูกเรือจาก 16 คนเหลืออยู่เพียง 8 คนเท่านั้นและตัวเรือมีความพยายามอำพรางด้วยหารทาสีทับด้วย

ทั้งนี้ เชื่อว่าเรือทั้ง 3 ลำเคยเข้าเทียบท่าที่ประเทศกัมพูชา มาแล้ว ทำให้มีลูกเรือบางส่วนลงจากเรือไป พร้อมผ่องถ่ายน้ำมันบางส่วนออกไปด้วย แต่หลังจากทางการไทยประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านออกค้นหา ทำให้เรือทั้ง 3 ลำหลบหนีออกจากท่าเรือในกัมพูชาเพื่อหลบหนี แต่เนื่องจากเรือ 1 ใน 3 ลำไม่สามารถขับเคลื่อนได้ ต้องลากจูงเข้าฝั่งทำให้การเดินทางช้าลงไปอีก

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

3,474 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *