จ.อุดรธานี – สมาคมอนุรักษ์และพัฒนาควายไทยจังหวัดอุดรธานีในพระราชูปถัมภ์ , สนง. ปศุสัตว์ จ.อุดรธานี, อบจ.อุดรธานี และภาคีเครือข่าย ประชุมเตรียมการจัดงานประกวดควายสวยงามชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จกรมพระศรี “งานวิถีคน วิถีควาย มรดกไทยมรดกโลก จ.อุดรธานี” ณ โคกหนองโกสาธารณะ ม. 6 ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน วันที่ 16-19 พ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2566 เวลา 13.30 น. นายวิเชียร ขาวขำ นายก อบจ.อุดรธานี มอบหมายให้ นายสมัคร บุญปก รองนายก อบจ.อุดรธานี พร้อมด้วย นายประเทือง เพชรโรจน์ ปลัด อบจ. อุดรธานี, นายกิจธนะ ธรากิตติรัฐ นางบุญนิสา จันโทภาส รองปลัด อบจ.อุดรธานี, หัวหน้าสป.อบจ.อุดรธานี, ผอ.กองการท่องเที่ยวและกีฬา, ผอ.กองช่าง, ผอ.กองคลัง, ผอ.กองสาธารณสุข, หัวหน้าฝ่าย และเจ้าหน้าที่ อบจ.อุดรธานี ร่วมประชุมคณะกรรมการจัดงานประกวดควายสวยงาม ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี “งานวิถีคน วิถีควาย มรดกไทยมรดกโลก จ.อุดรธานี” ระหว่างวันที่ 17-19 พ.ย. 2566 ณ โคกหนองโกสาธารณะ ม. 6 ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน
โดยมี นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รอง ผวจ.อุดรธานี เป็นประธานการประชุม, ดร.ทศพร ศรีศักดิ์ อดีตรองอธิบดีกรมปศุสัตว์และอดีตนายกสมาคมพัฒนาควายไทย สนง.ปศุสัตว์ จ.อุดรธานี, ผู้แทนจาก มรภ.อุดรธานี และคณาจารย์ศิลปกรรมพื้นถิ่นอีสาน ชมรมอนุรักษ์และพัฒนาควายไทย หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุมกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ชั้น 5 อาคาร 1 ศาลากลาง จ.อุดรธานี
การประชุมครั้งนี้ เป็นความร่วมมือกันระหว่าง สมาคมอนุรักษ์และพัฒนาควายไทยจังหวัดอุดรธานีในพระราชูปถัมภ์, จ.อุดรธานี, สนง.ปศุสัตว์ จ.อุดรธานี, อบจ.อุดรธานี และภาคีเครือข่าย เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการเตรียมความพร้อมของฝ่ายต่างๆ รวมถึง เป็นการประชา สัมพันธ์การจัด “งานวิถีคน วิถีควาย มรดกไทยมรดกโลก จังหวัดอุดรธานี ประจำปี 2566” ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งระหว่างวันที่ 3-5 พ.ย. 2566 ที่จะมาถึงนี้ ได้กำหนดจัดโชว์ควายสวยงาม และควายแคระแสนรู้ ร่วมโชว์ตัวในงานเทศกาลของดี จ.อุดรธานี “ออน ซอนเกษตรกร พาเที่ยว ช็อป ชิม ริมนา” ณ บริเวณถนนหน้าสตาร์บัคส์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อุดร นอกจากนี้ได้กำหนดจัดงานแถลงข่าวเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทราบเป็นที่แพร่หลายอีกครั้ง ในวันที่ 10 พ.ย. 2566 ณ สนามทุ่งศรีเมือง ฝั่งประตูจีน
ที่มา:ข่าวความมั่นคงออนไลน์