“รองเต่า” ระดมตำรวจทุกหน่วย ในสอบสวนกลางสางคดีทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึกให้แล้วเสร็จภายใน 2 วัน แบ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็น 3 กลุ่ม ทั้งกลุ่มสั่งการ กลุ่มผู้ป่วย และกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมลงพื้นที่ จ.ลพบุรี สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องกว่า 100 คน ว่าป่วยจริงหรือไม่ ด้วยโรคอะไร และจำเป็นต้องใช้ยาอะไรบ้าง ปูดพบขบวนการใหญ่ยักษ์ ผู้กระทำผิดบางคนยังก่อเหตุกับโรงพยาบาลรัฐอื่นด้วย
กรณีร้องเรียนการทุจริตนำยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก (อผศ.) ออกมาขาย หลังตรวจสอบเบื้องต้น พญ.จิตติมา ปรีชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก (ผอ.อผศ.) พบมีมูลความจริง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจกองบังคับการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ให้ดำเนินการสอบสวนพบการทุจริตเป็นขบวนการ ดำเนินการมาเป็นเวลานาน ความเสียหายจำนวนมาก มีผู้เกี่ยวข้องทุกระดับชั้น ตั้งแต่แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ รพ. และผู้ป่วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะทำงานเดินเครื่องสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี เพื่อนำคนผิดมาลงโทษตามที่เสนอข่าวแล้ว
ความคืบหน้าจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวน กลาง (บช.น.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 มี.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้าคดีทุจริตยาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลทหารผ่านศึกว่า เมื่อวานคณะพนักงานสอบสวนประชุมหารือกับ พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พญ.จิตติมา ปรีชา ผอ.อผศ. นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ถึงแนวทางการดำเนินคดีแนวทาง การสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตยา แบ่งกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับคดีเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ กลุ่มผู้ป่วย กลุ่มที่สองคือ กลุ่มสั่งการ และกลุ่มที่สามคือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวต่อว่า ส่วนการทำงานหลังจากนี้สั่งระดมคณะพนักงานสอบสวนทั้งหมดของกองบัญชาการสอบสวนกลาง ประกอบด้วย บก.ปอท. บก.ปอศ บก.ป. บก.ปปป. และ บก.ปคบ. มาร่วมทำคดีนี้ เพื่อให้คดีมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นเรื่องที่รัฐได้รับความเสียหายมานานแล้ว ส่วนวันที่ 5 มี.ค. พนักงานสอบสวนทั้งคณะจะเข้าประชุมวางกรอบการทำงาน พร้อมทั้งวางแนวคำถาม ตรวจสอบเวชระเบียนของผู้ป่วยชื่อผู้ป่วย ประวัติผู้ป่วยแต่ละคน เพื่อตรวจสอบว่าแต่ละคนเป็นผู้ป่วยจริงหรือไม่ และเป็นผู้ป่วยที่ต้องได้รับการใช้ยาตัวใดบ้าง หลังจากนั้นจะไปสอบปากคำผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอีกกว่า 100 คนที่จังหวัดลพบุรีด้วย จะพยายามทำให้แล้วเสร็จภายใน 2 วัน
“เบื้องต้นตามรายงานการสืบสวนพบว่า คดีนี้มีผู้ร่วมกระทำผิดเป็นขบวนการใหญ่ ผู้เกี่ยวข้องมีทั้งทหาร หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ธุรการ และผู้ป่วย ส่วนคำถามที่หลายคนติดใจสงสัยว่า จุดหมายปลายทางของยาดังกล่าวถูกนำออกไปอยู่ที่ไหน ขณะนี้เจ้าหน้าที่พอรู้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ คดีนี้ผู้กระทำผิดบางคนยังกระทำผิดต่อเนื่องในโรงพยาบาลอื่นอีก ตำรวจสอบสวนกลางจะดำเนินการขยายผลต่อไป เชื่อว่ายังมีโรงพยาบาลของรัฐอีกหลายแห่งที่กระทำผิดลักษณะเดียวกัน” รอง ผบช.ก.กล่าว
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/