คณะกรรมการพิจารณาแนว ทางกู้เรือหลวงสุโขทัย เตรียมประชุมหาข้อสรุปเลือก 1 ใน 12 บริษัทชิงดำเข้ากู้ซาก ร.ล.สุโขทัย ที่จมลงก้นทะเลอ่าวไทย อ.บางสะพาน จ.ประจวบ คีรีขันธ์ ระบุเงื่อนไขต้องรักษาสภาพเรือให้สามารถใช้งานต่อได้ โดยไม่แยกส่วนหรือตัดชิ้นแยกเรือก่อนนำขึ้นมา คาดใช้งบประมาณราว 100 ล้านบาท ด้านการค้นหากำลังพลที่สูญหายอีก 5 นาย กองทัพเรือยังไม่ยุติภารกิจ แต่นักประดาน้ำที่ลงไปสำรวจยังเข้าในตัวเรือไม่ได้ เพราะคลื่นลมแรง เสี่ยงเรือเอียงหรือหลงพื้นที่ ผู้บังคับการเรือยันไม่มีใครติดค้างอยู่ในเรือแน่นอน หลังได้รับคำสั่งให้สละเรือ
ผ่านมาเกือบ 1 เดือนกับโศกนาฏกรรมความสูญเสียครั้งใหญ่ของราชนาวีไทย หลังช่วงเย็นวันที่ 18 ธ.ค.65 เรือหลวงสุโขทัย (442) เรือคอร์เวท สังกัด กองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ ทัพเรือภาคที่ 1 อับปางลงกลางทะเลอ่าวไทย ห่างฝั่ง 19 ไมล์ทะเล เขตพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้กำลังพล 105 นาย รอดชีวิตเพียง 76 นาย เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ 23 นาย รอผลพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล 1 นาย และยังสูญหายอีก 5 นาย
ที่ท่าเรือประจวบฯ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ม.ค. พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผบ.ทรภ.1 นายชนยุธ นิลพานิช ผจก.ฝ่ายปฏิบัติการท่าเรือ บจก.ท่าเรือประจวบ นายเลิศยศ แย้มพราย นอภ.บางสะพาน ร่วมกับภาครัฐ ภาคประชาชน และญาติของ จ.ต.โสภณ วงษ์สนิท 1 ในผู้สูญหายทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้วายชนม์ในเหตุการณ์ ร.ล.สุโขทัยอับปาง
พล.ร.ท.พิชัยเปิดเผยว่า วันนี้บริษัทท่าเรือฯได้มาปรึกษาว่าอยากทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้วายชนม์จากเหตุ ร.ล.สุโขทัย ในส่วนการค้นหากองทัพเรือยังคงค้นหาอย่างต่อเนื่อง ยังไม่พบผู้ประสบภัยอีก 5 นาย มี 1 นายยังคงรอผลพิสูจน์ DNA อยู่ อุปสรรคในการค้นหายิ่งนานวันขึ้น การค้นหาค่อนข้างจะยากลำบากขึ้น เนื่องจากพื้นที่ประสบภัยเป็นพื้นที่ทะเลเปิด กองทัพเรือยังคงค้นหาอย่างต่อเนื่อง โดยปรับพื้นที่ตามซาร์แมพและได้ประสานร่วมกับ ทรภ.2 และศรชล.ภ.2 ตลอดจนชาวประมงในพื้นที่ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ ธานี ลงไป ให้ช่วยในภารกิจการค้นหา หากพบร่างผู้เสียชีวิตจะประสานมาเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นลูกเรือสุโขทัยหรือไม่ต่อไป
ผบ.ทรภ.1 กล่าวต่อว่า ในส่วนของการค้นหายังคงใช้เรือขนาดใหญ่และขนาดเล็กร่วมกันค้นหาตลอดทั้งกลางวัน กลางคืน ร่วมกับอากาศยานและ UAV โดยโฟกัสเข้ามายังพื้นที่ใกล้ฝั่งมากขึ้น ร่วมกับ ศรชล.เรือจากกรมประมงและตำรวจน้ำ สลับกันช่วยค้นหา ในส่วนบริเวณที่ ร.ล.สุโขทัยอับปาง ได้ จัดเรือลาดตระเวนเพื่อไม่ให้เรือประมงเข้ามาในพื้นที่ เนื่องจากกระแสคลื่นใต้น้ำค่อนข้างแรง อาจทำให้ ร.ล.สุโขทัยที่ตั้งลำอยู่อาจพลิกคว่ำได้ ยืนยันกองทัพเรือยังไม่ล้มเลิกแผนการค้นหาอย่างแน่นอน
“ในส่วนของร่างที่รอการพิสูจน์อัตลักษณ์อีก 1 ร่าง ก่อนหน้านี้เก็บรักษาไว้ที่มูลนิธิฯ ล่าสุดพิสูจน์หลักฐานได้นำร่างไปไว้ที่ รพ.ศิริราช เพื่อรอผลการพิสูจน์ DNA ผลจะเป็นอย่างไร คาดว่าในเร็วๆนี้ เมื่อทราบผลอย่างเป็นทางการแล้ว โฆษก ทร.จะเป็นผู้ชี้แจงต่อไป นอกจากนี้ในส่วนของการกู้เรือไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของ ทรภ.1 แต่จะเป็นทางกองเรือยุทธการ ทราบว่าขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญได้เข้าให้คำปรึกษา ตลอดจนบริษัทที่มีความชำนาญต่างๆได้เข้ามาวางแผนร่วมกัน ความชัดเจนในส่วนนี้ โฆษก ทร.จะเป็นผู้ชี้แจงต่อไป” พล.ร.ท.พิชัยกล่าว
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองทัพเรือ (ทร.)ว่า คณะกรรมการพิจารณาแนวทางกู้เรือหลวงสุโขทัย ที่มี พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.กองเรือยุทธการ เป็นประธาน ได้เตรียมประชุมคณะกรรมการเพื่อหาข้อสรุปในการเลือกบริษัทเข้ากู้ซาก ร.ล.สุโขทัย ที่จมลงก้นทะเล อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อย่างเร่งด่วน ขณะนี้มี 12 บริษัทที่เข้าเงื่อนไขที่กองทัพเรือต้องการคือจะต้องรักษาสภาพเรือให้สามารถใช้งานต่อไปได้ โดยไม่แยกส่วนหรือตัดชิ้นแยกเรือเพื่อนำขึ้นมา ประมาณการว่าจะใช้งบฯราว 100 ล้านบาท ดังนั้น กองทัพเรือต้องดำเนินการตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างและนำเสนอกระทรวงกลาโหม เพื่อพิจารณากรอบวงเงินต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บริษัทเอกชนที่แจ้งเข้ามาต่างเชื่อมั่นว่าจะสามารถนำเรือขึ้นมาทั้งลำ ใช้เทคนิคและอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ เช่น เครน หรือการใช้ทุ่น เพื่อพยุงเรือ แต่อุปกรณ์บางอย่างต้องนำเข้าจากต่างประเทศ อาจต้องใช้เวลาดำเนินการพอสมควร ในเบื้องต้นจากคำให้การของผู้บังคับการเรือ ร.ล.สุโขทัย ยืนยันว่าไม่มีลูกเรือหรือผู้โดยสารคนใดอยู่ในเรือลำดังกล่าวแล้ว หลังจากมีคำสั่งสละเรือ ขณะที่นักประดาน้ำที่ลงไปสำรวจและวางแผนในการ กู้เรือยังไม่สามารถเข้าไปในบริเวณตัวเรือได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เรือจะเอียง หรืออาจหลงพื้นที่ และอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของนักประดาน้ำด้วย
