ตัดเน็ตได้ผล คดีตุ๋นลดลง นํา 93 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไปฝากขังวันนี้

ตัดเน็ตได้ผล คดีตุ๋นลดลง นํา 93 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไปฝากขังวันนี้

รมว.ดีอีเผยการตัดไฟตัดเน็ต แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ผล ยอดเสียหายหดเหลือไม่ถึง 50 ล้านต่อวัน จากที่เคยมากมายมหาศาลนับร้อยล้าน ส่วนการบังคับใช้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ พ.ร.ก.ไซเบอร์ ที่ ครม.เห็นชอบแล้ว อยู่ระหว่างการ พิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดแล้วเสร็จในเดือน มี.ค. ด้าน ผบช.ไซเบอร์ ยันแก๊งคอล 119 คนไทยจากปอยเปตทำผิดกฎหมายทั้งหมด จ่อเร่งหารือ ก.ล.ต.อุดช่องโหว่

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเช้าวันที่ 4 มี.ค. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงความคืบหน้าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า เท่าที่รับรายงานเป็นไปด้วยดี มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง หลังตัดสัญญาณแล้ว ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากการตรวจสอบกับตำรวจพบว่าปัญหาลดลง 20% รวมถึงสถิติของคดีก็ลดลง ในส่วนของศูนย์ AOC ปัจจุบันมีการร้องเรียนประมาณ 3,000 สาย/วัน หลังเปิดศูนย์ประมาณ 1 ปี ตัวเลขลดลง 40% หลังใช้มาตรการตัดไฟ ตัดสัญญาณ ความเสียหายลดลง 20% ถือว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น เพราะลดลงทั้งความเสียหาย เงินลดลง ก่อนหน้านี้ความเสียหายกว่า 100 ล้าน แต่หลังเปิดศูนย์ตัวเลขลดลง เหลือ 60-70 ล้าน และหลังมีมาตรการตัดไฟ ตัดสัญญาณ ความเสียหายต่ำกว่า 50 ล้านบาท/วัน โดยส่วนใหญ่มาจากการหลอกให้ลงทุนเงินดิจิทัลและลดลงอย่างมีนัยสำคัญคือซื้อของไม่ตรงปก และเมื่อวันที่ 3 มี.ค.มีออกหมายจับไปกว่า 100 คน

นายประเสริฐกล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาหลังตัดสัญญาณ มีบ้างทำให้คนในประเทศไม่สามารถใช้สัญญาณ วันที่นายกฯลงพื้นที่ ได้สั่งการให้ กสทช.ดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยจะมีวิธีขยายสัญญาณในฝั่งไทยในจุดที่สัญญาณอ่อน โดยเพิ่มเฉพาะฝั่งไทย เมื่อเพิ่มสัญญาณ ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านไม่สามารถใช้ได้ เพราะมีตัววัดสัญญาณอยู่แล้ว ที่ผ่านมาภาคเอกชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนความคืบหน้าการบังคับใช้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือ พ.ร.ก.ไซเบอร์ ที่ ครม.เห็นชอบแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นเดือน มี.ค. ภายในเดือน มี.ค.จะเรียกสถาบันการเงิน กลุ่มธุรกิจให้บริการการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ และแพลตฟอร์มเข้ามาพูดคุยทีละกลุ่มถึงความเข้าใจความรับผิดชอบในค่าความเสียหายว่าหมายถึงอะไรเพื่อความชัดเจนในการปฏิบัติงานก่อนการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว ที่คาดว่าจะสามารถประกาศใช้ภายในเดือน มี.ค.

มีรายงานว่าหลังจากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษลงนามสรุปสำนวนและส่งพยานหลักฐานไปให้กับสำนักอัยการสูงสุดพร้อมด้วยหนังสือขอความเห็นชอบในการขอออกหมายจับ พ.อ.หม่องชิต ตู่และพวก ในความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ที่อยู่นอกประเทศต่อเนื่องกับภายในประเทศ เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ต่อมาวันที่ 4 มี.ค. อัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์มีการประชุมภายใน หากการประชุมเรียบร้อยได้ข้อสรุปอย่างไร พร้อมทำหนังสือตอบกลับไปยังดีเอสไอทันที อัยการอาจมีแนวทางที่ให้ดีเอสไอดำเนินการเรื่องหมายจับได้เลย หรืออาจมีแนวทางต่อไป ขึ้นอยู่กับการประชุมในวันที่ 4 มี.ค.

วันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพะยอม รองผบก.ตม.3 รักษาราชการแทน ผกก.ตม.จ.ตาก เปิดเผยถึงการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับมาตรการช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ ว่า ตอนนี้มีการร่วมมือกันระหว่างตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจภูธร ตำรวจตระเวนชายแดน เรื่องความมั่นคงในพื้นที่ มีการตรวจเข้มไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเข้าพื้นที่ด้วยทางรถยนต์หรือทางอากาศ โดยเครื่องบินจากสนามบินแม่สอด ทำให้บุคคลที่เดินทางเข้ามาลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมีการดำเนินการอย่างจริงจังและเข้มงวด สำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาแล้วไม่เข้าข่ายว่ามาท่องเที่ยว จะให้เดินทางกลับโดยสมัครใจ ถ้ามาทางเครื่องบินก็มีค่าตั๋วเครื่องบินก็ให้บินกลับ แต่ถ้าไม่มี ทหารตำรวจจะควบคุมพาไปขึ้นรถโดยสาร กลับต้นทาง มีบางรายที่มีความพยายามวนกลับมา แต่เรามีข้อมูลและพยายามตรึงไม่ให้เข้ามาแม่สอด รับประกันได้ว่าโอกาสที่จะเล็ดลอดเข้ามาโดยไม่ผ่านการตรวจสอบเป็นไปได้ยาก หากประชาชนพบเห็นบุคคลหรือชาวต่างชาติที่น่าสงสัยเข้ามาอยู่ภายในพื้นที่ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง

ด้าน พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จ.สระแก้ว เปิดเผยว่า เมื่อค่ำวันที่ 3 มี.ค.ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ว่า พบชายต่างชาติเดินทางมาจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ถือพาสปอร์ตประเทศไต้หวันมายื่นแสดงขอเข้าประเทศไทย สงสัยเป็นพาสปอร์ตปลอม เมื่อไปตรวจสอบพบนายหวาง มู่หรง อายุ 39 ปี ถือพาสปอร์ตไต้หวัน จนท.จึงนำไปตรวจสอบอย่างละเอียด พบเป็นพาสปอร์ตปลอม จึงคุมตัวมาสอบสวนเจ้าตัวรับสารภาพว่าเป็นชาวจีน เดินทางจากจีนมาอยู่ที่กัมพูชาและต้องการเดินทางเข้าประเทศไทย จึงติดต่อชาวจีนในกัมพูชาทำพาสปอร์ตไต้หวันปลอมให้ จนท.จึงคุมตัวนายหวาง มู่หรง ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก ดำเนินคดีและสอบสวนเชิงลึกขยายผลเนื่องจากหวั่นว่านายหวาง มู่หรง อาจเป็นบอสแก๊งคอลฯชาวจีนในกัมพูชาที่หลบหนีการกวาดล้างของรัฐบาลกัมพูชา แล้วใช้พาสปอร์ตปลอมเดินทางหนีเข้าไทย

ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ ผบก.อก.สอท. พ.ต.อ.ชัยรัตน์ วรุณโณ รอง ผบก.สอท.2 เผยถึงกรณีคุมตัวผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาสอบปากคำ ว่า เมื่อเวลา 23.30 น. ได้นำตัวผู้ต้องหาที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งการจับกุมตามหมายจับทั้งหมด 93 คน จากหมายจับทั้งหมด 102 หมายจับ เป็นหมายจับของบอสชาวจีน 2 หมายซึ่งบอสชาวจีนได้หลบหนีไปแล้ว ส่วนใน 100 หมายจับ เป็นผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ 7 คน ทำให้เหลือผู้ต้องหา 93 คน ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นหญิง 48 คน ชาย 45 คน นำไปคุมตัว ไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด สภ.เมืองนนทบุรี สน.ทุ่งสองห้อง

พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวต่อว่า ทั้ง 119 คนที่ทางการกัมพูชาส่งตัวจากปอยเปตกลับไทยเมื่อวันที่ 1 มี.ค. แต่ไม่ถูกออกหมายจับ 19 คน แยกเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 4 คน จากการสอบสวนน่าจะมี 2 คนที่เข้าข่ายความผิด มีส่วนร่วมกันเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อีก 15 คน จากพยานหลักฐานเบื้องต้นยังไม่พบเกี่ยวข้องกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันกัมพูชา จากการสอบสวนพบพฤติกรรมขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่ต้องการไปทำงานที่กัมพูชา เบื้องต้นพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะทำงานอยู่จุดที่เรียกกันว่าพลูตาสวน เป็นที่ทำการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนกรณีกลุ่มบอสชาวจีน จากการสอบปากคำผู้ต้องหา เบื้องต้นให้การว่าตึกที่เข้าจับกุมมีชาวจีนประมาณ 20 คน ที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาในแต่ละออฟฟิศ มาดูงานสั่งการผ่านล่าม แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นบอสใหญ่สุด

พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวด้วยว่า ส่วนมาตรฐานการคัดกรองว่าเป็นผู้ต้องหาหรือเหยื่อ เป็นหน้าที่ของหน่วยงานในพื้นที่ มีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานหลัก ตำรวจไซเบอร์จะสืบสวนเฉพาะคดีอาญาจนนำไปสู่การได้พยานหลักฐานและออกหมายจับข้อหาที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าเมื่อได้เงินจากการหลอกเหยื่อแล้วจะโอนไปซื้อเงินสกุลดิจิทัล นำออกนอกประเทศ ก่อนหน้านี้ได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยไปแล้ว และวันนี้ได้หารือกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยเฉพาะแนวทางสืบสวนว่าเส้นทางการเงินของสกุลดิจิทัลว่ามีปลายทางไปอยู่ที่ใด

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

4,071 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *