ตำรวจไซเบอร์ สนธิกำลังชุดสืบสวนภาค 9 บุกช่วยนักศึกษาพยาบาลสาว ปี 1 สถาบันดังในกรุงเทพฯ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทร.ข่มขู่ว่าพัวพันธุรกิจผิดกฎหมาย เหยื่อหลงเชื่อขอเงินพ่อแม่ โอนไปให้กว่า 3.2 แสนบาท แถมลวงให้เดินทางไปเปิดห้องพักโรงแรมในตัวเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา ผู้ปกครองเอะใจลูกสาวขอเงินถี่ยิบ อ้างจะทำสเตตเมนต์ไปเรียนสิงคโปร์ ก่อนติดต่อไม่ได้ เข้าแจ้งความให้ตำรวจช่วยตามหาจนพบตัว
ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 8 เม.ย. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด รอง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.1 บก.สอท.1 ร่วมกันแถลงกรณีบุกช่วยนักศึกษาพยาบาลสาวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถูกหลอกโอนเงินกว่า 3 แสนบาท
พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจาก ตนได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจากผู้ปกครองหญิงสาว อายุ 19 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี เป็นบุตรสาวกำลังเรียนพยาบาล ปี 1 สถานศึกษาแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ พักอาศัยอยู่หอพักย่านบางพลัด กรุงเทพฯ เนื่องจากบุตรสาวขอเงินหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 325,000 บาท อ้างเหตุผลต้องใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าอุปกรณ์การเรียนเสียหาย และต้องการใช้เงินทำเอกสารทางการเงิน (สเตตเมนต์) เพื่อเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศสิงคโปร์ ต่อมาผู้ปกครองเริ่มมีความสงสัย พยายามติดต่อบุตรสาวหลายครั้งแต่ไม่สามารถติดต่อได้เลย และยังได้รับโทรศัพท์จากบุคคลไม่ทราบชื่อ ข่มขู่ให้โอนเงินเพิ่มเติม พร้อมขู่ว่าจะทำอันตรายต่อบุตรสาวหากไม่ทำตาม เชื่อว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ ตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สน.บางพลัด เมื่อเช้าวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา
ผบช.สอท.กล่าวต่อว่า ต่อมา พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.1 บก.สอท.1 ตรวจสอบข้อมูลเชิงเทคนิคพบว่านักศึกษาสาวรายนี้ ถูกล่อลวงให้เดินทางไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีพฤติกรรมเหมือนถูกควบคุม ก่อนประสาน พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.กู้เกียรติ วงษ์พันธ์ ผกก.2 บก.สอท.5 และ พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9 สนธิกำลังร่วมกันค้นหาตัว กระทั่งพบข้อมูลว่านักศึกษาสาวได้เข้าพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ร่วมกันวางแผนเข้าช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัยในช่วงค่ำของวันเดียวกัน
จากการสอบปากคำนักศึกษาสาวทราบว่า เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ได้รับโทรศัพท์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทอินเตอร์เน็ต และต่อมาแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งเอกสารปลอมให้ดูว่าตนมีส่วนพัวพันกับคดีฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมหลอกให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ ก่อนใช้อุบายลวงให้เดินทางออกจากกรุงเทพฯไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อ้างว่าเป็นกระบวนการรักษาความลับทางคดี
พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวต่อว่า แผนของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะใช้วิธีโทร.หาเหยื่อ ถ้าเหยื่อหลงเข้าไปพูดคุยด้วยจะหลอกถามข้อมูลจากเหยื่อ ก่อนส่งไม้ต่อให้กับอีกคน นำข้อมูลที่ได้จากเหยื่อกลับมาหลอกซ้ำอีกทอด อ้างว่าเหยื่อไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เกิดความกลัว ก่อนจะหลอกให้เหยื่อโอนเงินเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดี โดยเฉพาะถ้าเหยื่อเป็นเยาวชนหรือนักศึกษา จะพูดให้เหยื่ออยู่ตามลำพังเพื่อไม่ให้มีโอกาสปรึกษาบุคคลที่อยู่ใกล้ชิด และจะพูดบีบบังคับให้หลอกพ่อแม่หรือผู้ปกครองให้โอนเงินมาให้
“ในเคสนี้ ขณะตำรวจเข้าช่วยเหลือออกมาจากห้องพัก ยังพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังวิดีโอคอลพูดคุยกับนักศึกษาสาวรายนี้ ในลักษณะข่มขู่และหว่านล้อมตลอดเวลา เพื่อให้เหยื่อติดต่อพ่อแม่ให้โอนเพิ่มให้อีก ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างสืบสวนแกะรอยหาผู้เกี่ยวข้องในการกระทำผิดในขบวนการนี้ทั้งหมดแล้ว เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีต่อไป” พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าว
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/