- ปัจจุบันราคาไข่ไก่ในสหรัฐฯ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เฉลี่ย 4.95 ดอลลาร์ต่อโหลหรือตกฟองละ 14 บาท จนกลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยของคนบางกลุ่มไปแล้ว ทั้งๆ ที่ไข่ไก่น่าจะเป็นอาหารพื้นฐานที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
- ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาไข่ไก่พุ่ง คือการระบาดของไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ในฟาร์มสัตว์ปีกทั่วสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022 ส่งผลให้ต้องกำจัดสัตว์ปีกที่ติดเชื้อ จนเกิดภาวะขาดแคลนไข่
- ในขณะที่รัฐบาลไบเดนใช้เงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก โดยใช้วิธีการกำจัดสัตว์ปีกที่ติดเชื้อ รัฐบาลทรัมป์ก็ยังคงใช้แนวทางนี้เช่นกัน แต่ให้งบในการแก้ปัญหานี้ที่ 1 พันล้านดอลลาร์
ราคาไข่ในสหรัฐฯ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
ปัจจุบัน ไข่หนึ่งโหลในสหรัฐฯ มีราคาเฉลี่ย 4.95 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยราว 168 บาทต่อ 1 โหล หรือตกฟองละ 14 บาท ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยในบางเมืองใหญ่อย่างชิคาโก นิวยอร์ก และซานฟรานซิสโก ราคาพุ่งไปถึง 8-10 ดอลลาร์ต่อโหล ทำให้ไข่ซึ่งเคยเป็นอาหารเช้าทั่วไป กลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยสำหรับผู้บริโภคบางกลุ่ม ขณะที่ร้านอาหารหลายแห่งต้องปรับขึ้นราคาอาหารที่มีไข่เป็นส่วนประกอบ
ทำไมราคาไข่ถึงสูงขึ้นขนาดนี้?
ต้นเหตุสำคัญคือการระบาดของไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ในฟาร์มสัตว์ปีกทั่วสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022 ส่งผลให้ต้องกำจัดสัตว์ปีกที่ติดเชื้อ และฟาร์มที่มีการตรวจพบเชื้อจะต้องกำจัดสัตว์ปีกทั้งหมดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ มีรายงานสัตว์ปีกถูกกำจัดมากกว่า 160 ล้านตัว เฉพาะในปีนี้มีสัตว์ปีกถูกฆ่าไปแล้ว 30 ล้านตัว ซึ่งทำให้ฟาร์มเชิงพาณิชย์ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เกิดภาวะขาดแคลนไข่ และราคาพุ่งสูงขึ้น
โดยตามข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ พบว่านับตั้งแต่ต้นปีนี้ จำนวนแม่ไก่ไข่ในสหรัฐฯ อยู่ที่ 304 ล้านตัว ลดลง 11 เปอร์เซ็นต์จาก 5 ปีก่อน
แผนของทรัมป์แตกต่างจากไบเดนอย่างไร?
รัฐบาลของไบเดนใช้เงินประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อ H5N1 หลังจากที่มันกลับมาระบาดอีกครั้งในปี 2022 โดยดำเนินตามนโยบายดั้งเดิมของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มุ่งกำจัดประชากรสัตว์ปีกที่ได้รับผลกระทบผ่านการทำลายทิ้ง
การลดลงของจำนวนไก่ทำให้ราคาไข่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ไบเดนดำรงตำแหน่ง โดยราคาขยับจาก 1.60 ดอลลาร์ต่อโหลในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 เป็น 4.10 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม 2024 และยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึง 4.95 ดอลลาร์ในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ไบเดนยังจัดสรรเงินมากกว่า 600 ล้านดอลลาร์เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่สู่มนุษย์ ซึ่งรวมถึงการเฝ้าระวังโรค การเตรียมการรักษา และการวิจัยเกี่ยวกับวิธีการรักษา การวินิจฉัยโรค และนวัตกรรมวัคซีน
ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รัฐบาลของทรัมป์ตำหนิไบเดนว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาไข่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากนโยบายทำลายไก่ทิ้ง แต่ล่าสุดกระทรวงเกษตรสหรัฐฯระบุว่าจะยังคงดำเนินนโยบายเดิมต่อไป โดยแผนใหม่ของทรัมป์มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์จะดำเนินมาตรการเพิ่มเติม ดังนี้
• 500 ล้านดอลลาร์ สำหรับปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพของฟาร์ม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ปีกติดเชื้อ H5N1 จากนกป่า
• 400 ล้านดอลลาร์ เพื่อชดเชยให้เกษตรกรที่ต้องกำจัดฝูงสัตว์ปีก
• 100 ล้านดอลลาร์ สำหรับการพัฒนาวัคซีนและการรักษาโรคไข้หวัดนก
• การลดกฎระเบียบที่เป็นภาระต่ออุตสาหกรรมสัตว์ปีก
• การนำเข้าไข่เพิ่มเติมเพื่อลดปัญหาการขาดแคลน
ที่มา ไทยรัฐ