ทั่วโลกอาลัย โป๊ปฟรานซิส พิธีปลงพระศพ สมพระเกียรติ สมถะเรียบง่าย

ทั่วโลกอาลัย โป๊ปฟรานซิส พิธีปลงพระศพ สมพระเกียรติ สมถะเรียบง่าย

สำนักวาติกันจัดพิธีมิสซาปลงพระศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ อย่าง สมพระเกียรติ ท่ามกลางพระราชวงศ์ ผู้นำระดับโลก ตัวแทนจากนานาชาติ ร่วมถึงคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกทั่วโลก ร่วมน้อมรำลึกและไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนอัญเชิญพระศพประทับบนรถ เคลื่อนไปประกอบพิธีฝัง ณ มหาวิหารซานตา มารีอา มาจจอเร ตามพระประสงค์ เป็นการเน้นย้ำถึงความสมถะและเรียบง่าย จากนั้นจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าสักการะได้ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.นี้ เป็นต้นไป

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานบรรยากาศพิธีปลงพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสหรือโป๊ปฟรานซิส ประมุขแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ที่สิ้นพระชนม์ด้วยพระชนมายุ 88 พรรษา เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ณ ที่ประทับในนครรัฐวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี และเมื่อวันที่ 26 เม.ย. สำนักวาติกันกำหนดจัดพิธีปลงพระศพอย่างสมพระเกียรติ เพื่อน้อมรำลึกถึงสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยพิธีเริ่มต้นในเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลาประมาณ 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนพระศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส จากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน ออกมาด้านนอกเพื่อประกอบพิธีมิสซาปลงพระศพ ณ จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ โดยมีพระคาร์ดินัลจิโอวานนี บัตติสตา เร หัวหน้าคณะพระคาร์ดินัล เป็นผู้นำในการประกอบพิธีที่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 10 นาที

พิธีมิสซาปลงพระศพองค์ประมุขแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นอกจากมีพระคาร์ดินัล จำนวน 250 รูป บิชอปกว่า 750 รูป นักบวชกว่า 4,000 รูป เข้าร่วมพิธีแล้ว ยังมีพระราชวงศ์จากประเทศต่างๆ เช่น สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ล ที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์อังกฤษ เจ้าฟ้าชายโฮกุน มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์ และเจ้าหญิงเมตเต-มาริต มกุฎราชกุมารี พระวรชายา รวมถึงผู้นำจากทั่วโลกกว่า 130 ประเทศ เข้าร่วมพิธี เช่น น.ส.จอร์จา เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายฮาเวียร์ มิเลย์ ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา นายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีคริสต์ศาสนิกชนและประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมพิธีอย่างเนืองแน่น ซึ่งสื่อต่างประเทศประมาณการณ์ว่าน่าจะมีมากกว่า 200,000 คน โดยผู้ที่เดินทางมาถึงก่อนสามารถจับจองที่นั่งภายในจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ได้ประมาณ 50,000 คน ขณะที่ประชาชนบางส่วนที่ไม่สามารถเข้าไปภายในได้ จะรวมตัวอยู่โดยรอบบริเวณจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ในอาการสำรวม และร่วมร้องบทสวดที่เป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ควบคู่ไปกับการสวดมนต์ในระหว่างประกอบพิธี ที่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ตามพระประสงค์ของพระองค์

เมื่อเสร็จสิ้นการประกอบพิธีมิสซาปลงพระศพ ที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ มีการเคลื่อนพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสกลับเข้าไปภายในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เพื่อจัดรูปขบวนก่อนอัญเชิญพระศพของพระองค์ขึ้นประทับบนรถ เพื่อเคลื่อนไปยังมหา วิหารซานตา มารีอา มาจจอเร หนึ่งใน 4 วิหารเอกของกรุงโรม อันเป็นสถานที่ฝังพระศพสมเด็จพระ สันตะปาปาฟรานซิส ห่างจากจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ไปราว 6 กิโลเมตร ซึ่งตลอดเส้นทางที่ขบวนอัญเชิญพระศพเคลื่อนผ่านไปนั้น มีประชาชนจำนวนมากได้มายืนร่วมไว้อาลัยพระองค์เป็นครั้งสุดท้ายตามจุดต่างๆ โดยเริ่มจากประตูฝั่งตะวันตกของนครรัฐวาติกัน ขบวนเคลื่อนไปอย่างช้าๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถมองเห็นขบวนได้ และข้ามแม่น้ำไทเบอร์ไปตามถนนกอร์โซ วิตโตริโอ เอมานูเอล ผ่านจัตุรัสเวเนเซีย เคลื่อนตัวต่อไปบนถนนเวีย เดอี ฟอรี อิมเปเรียลี ผ่านโคลอสเซียมมุ่งหน้าต่อไปบนถนนเวีย ลาบิกานา ตามด้วยถนนเวีย เมรูลานา

เมื่อขบวนอัญเชิญพระศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มาถึงมหาวิหารซานตา มารีอา มาจจอเร มีการประกอบพิธีฝังพระศพ ซึ่งกระบวนการนี้ไม่ได้เปิดให้สาธารณชนรับชม โดยเป็นการฝังพระศพลงพื้นดิน และเป็นไปอย่างเรียบง่าย ขณะที่สุสานของพระองค์ตั้งอยู่ระหว่างแท่นบูชาพอลีน ชาเปล และแท่นบูชาสฟอร์ซา ชาเปล ทำด้วยหินอ่อน ไม่มีการตกแต่งใดๆ ตามที่ทรงสั่งเสียไว้ มีเพียงการสลักพระนามของพระองค์ในภาษาละตินว่า “ฟรานซิสคัส” พร้อมนำไม้กางเขนที่สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเคยใช้ไว้ที่สุสานของพระองค์ด้วย ทั้งนี้ สำนักวาติกันระบุว่า หลังพิธีฝังพระศพเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าสักการะได้ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 27 เม.ยนี้เป็นต้นไป รวมถึงจะมีการไว้ทุกข์เป็นเวลา 9 วัน

ก่อนหน้านี้ สำนักวาติกันได้อัญเชิญพระศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มาประดิษฐานที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน พร้อมเปิดให้คริสต์ศาสนิกชนและประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าถวายสักการะพระศพของพระองค์ที่บรรจุอยู่ในโลงไม้ที่เปิดฝาไว้ ภายในมหาวิหารระหว่างวันที่ 23-25 เม.ย. โดยมีผู้คนเดินทางมาอย่างคับคั่งรวมทั้ง 3 วันมากกว่า 250,000 คน ก่อนสิ้นสุดการเปิดให้ประชาชนถวายสักการะพระศพในเวลา 19.00 น.ของวันที่25เม.ย.

จากนั้นในเวลา 20.00 น.ของคืนเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ประกอบพิธีปิดหีบพระศพภายในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ โดยมีการใช้ผ้าไหมสีขาวคลุมปิดพระพักตร์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงสวมอาภรณ์สีแดง หมวกไมเตอร์สีขาว และที่พระหัตถ์คล้องลูกประคำ รวมถึงนำกระเป๋าบรรจุเหรียญเกียรติยศต่างๆใส่ลงไปในหีบศพ ก่อนปิดฝาโลงสีเงินที่ทำจากสังกะสี ด้านบนมีไม้กางเขนตราแผ่นดิน และแผ่นโลหะสลักพระนาม

ทั้งนี้ โลงพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มีการปรับเปลี่ยนแบบไปจากเดิมที่จะใช้โลงพระศพ 3 โลง โดยโลงแรกทำจากไม้สนไซเปรส ขณะที่อีกโลงทำจากตะกั่ว ส่วนโลงที่ 3 ทำมาจากไม้โอ๊ก แต่พระองค์ทรงมีพระประสงค์เลือกใช้เพียงโลงเดียว ทำมาจากไม้และสังกะสี เป็นการเน้นย้ำถึงความสมถะและเรียบง่าย รวมถึงสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงมีพระประสงค์ให้ฝังพระศพที่มหาวิหารซานตา มารีอา มาจจอเร กรุงโรม เนื่องจากพระองค์ทรงมีความผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ โดยทรงมาสวดภาวนาที่มหาวิหารแห่งนี้อยู่บ่อยครั้ง และถือเป็นการฝังพระศพสมเด็จพระสันตะปาปา นอกนครรัฐวาติกัน เป็นครั้งแรกในรอบ 122 ปี ต่อจากสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 13

ต่อมาสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายแมตทีโอ ปิอันเตโดซี รมว.มหาดไทยของอิตาลี เปิดเผยว่า มีประชาชนผู้มีจิตศรัทธาอย่างน้อย 400,000 คน เดินทางมาเข้าร่วมพิธีพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน โดยมีการต่อแถวยาวเหยียดไปตามถนนในกรุงโรม ทั้งนี้ การเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวมากกว่าจำนวนที่สำนักวาติกันระบุก่อนหน้านี้ว่ามีผู้มีจิตศรัทธามาร่วมพิธีพระศพ ประมาณ 250,000 คน

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

4,294 Posts

View All Posts
Follow Me :