สำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้ประกาศแผน ทุ่มงบประมาณเกือบ 67 ล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีรับมือกับ การสวมตัวตนด้วย deepfakes การโคลนนิ่งเสียง และการฉ้อโกงทางดิจิทัลในรูปแบบอื่นๆ
เกาหลีใต้เดินหน้าต่อสู้กับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หลังผู้หญิงในเกาหลีใต้ตกเป็นเหยื่อถูกเทคโนโลยีดีพเฟคคุกคามจนไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ จนเกิดกระแสเรียกร้องให้ทางการเร่งหาวิธีป้องกัน เพื่อไม่ให้ผู้หญิงตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้นอีก
โดยเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาทางการเพิ่งมีการเปิดโปง เครือข่ายอาชญากรรมที่ใช้ห้องแชทรูมในเทเลแกรม เป็นที่เผยแพร่ภาพอนาจารของหญิงสาวที่อยู่ในวัยเรียนที่ถูกใช้เทคโนโลยีดีพเฟคเอาใบหน้าของพวกเธอไปสวมในคลิปหรือภาพลามกอนาจาร จนทำให้พวกเธอเสื่อมเสีย และไม่กล้าสู้หน้าคนในสังคม ซึ่งการเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวได้สร้างความโกรธแค้นให้แก่สาธารณชน จนประธานาธิบดี ยุน ซอก ยอล ต้องประกาศว่าจะเร่งดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด โดยได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รีบดำเนินการหาวิธีป้องกันและแก้ไขโดยเร็ว
ซึ่งล่าสุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้ ได้ประกาศที่จะทุ่มงบประมาณราว 2.7 พันล้านวอน หรือราว 67 ล้านบาท ไปจนถึงปี 2027 เพื่อเร่งพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อตรวจจับเนื้อหาที่สร้างขึ้นแบบดิจิทัล เช่น ดีพเฟค และการโคลนนิ่งเสียง โดยจะต้องใช้งบหลายแสนดอลลาร์เพื่ออัพเกรด ซอฟท์แวร์เดิม ให้มีประสิทธิภาพมากพอที่จะตรวจจับภาพที่สร้างจากเทคโนโลยีดีพเฟคหรือวิดีโอที่สร้างโดยAI ได้ด้วย
ทั้งนี้ เกาหลีใต้ต้องต่อสู้กับภัยอาชญกรรมทางเพศทางไซเบอร์มานานแล้ว แต่คดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ในปีนี้ พุ่งสูงขึ้นถึง 11 เท่าจากปี 2018 ขณะที่การหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดียังอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก โดยตั้งแต่ปี 2021 จนถึงปีนี้ มีคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวกับดีพเฟคมากถึง 793 คดี แต่มีการจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษได้เพียง 16 คนเท่านั้น.
ที่มา : channelnewsasia
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/