กรณีที่ประเทศไทย แสดงความสนใจยื่นเสนอตัวไปยังคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) เพื่อขอรับเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิก เยาวชน หรือยูธโอลิมปิกเกมส์ ฤดูร้อน 2030 คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซีเมมเบอร์) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการศึกษาความพร้อมในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา ยูธ โอลิมปิกเกมส์ เผยว่า ในวันที่ 11 มี.ค. ไทยจะได้ประชุมร่วมกับ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล เพื่อทำการเสนอแผนงานในการจะเป็นเจ้าภาพ เช่น จัดอย่างไร ที่ไหน ทำอะไรบ้าง ช่วงเวลาการแข่งขัน หรือรูปแบบของการแข่งขันว่าน่าสนใจแค่ไหน และทำไม ไอโอซี จะต้องเลือกไทยในการเป็นเจ้าภาพเนื่องจากว่ามีผู้สมัครค่อนข้างเยอะ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณหญิงปัทมา กล่าวให้การยืนยันว่า ชาติที่สนใจเสนอตัวเป็นเจ้าภาพยูธโอลิมปิกเกมส์ 2030 ในตอนนี้นั้นมีค่อนข้างเยอะทั้ง อินเดีย เม็กซิโก มองโกเลีย โคลอมเบีย และ เปรู โดย ยูธโอลิมปิกเกมส์ โอลิมปิกสากล ดำเนินการจัดมาแล้ว 3 ครั้ง ทั้งในรูปแบบกีฬา พร้อมกับมีกิจกรรมที่หลากหลายสำหรับเยาวชนทั่วโลกที่จัดควบคู่กันไป โดยครั้งแรก ประเทศสิงคโปร์ เป็นเจ้าภาพ เมื่อปี 2010 ต่อจากนั้นครั้งที่ 2 จีนเป็นเจ้าภาพที่เมืองนานจิง ปี 2014 และครั้งที่ 3 กรุงบัวโนส ไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา รับหน้าที่จัด ปี 2018 ขณะที่ในปี 2026 กรุงดาการ์ ประเทศเซเนกัล จะเป็นเจ้าภาพ
สำหรับในปี 2030 หรือ ปี พ.ศ. 2573 คุณหญิงปัทมา กล่าวว่า สำหรับไทม์ไลน์การประกาศเจ้าภาพยูธโอลิมปิกเกมส์ 2030 นั้น ตามหลักแล้วจะต้องประกาศก่อนการแข่งขันราวๆ 4 ปีเป็นอย่างน้อย เท่ากับว่าในปี 2025 จะเป็นช่วงเวลาที่ชาติที่สนใจเป็นเจ้าภาพจะได้นำเสนอแผนงานกัน 1 ปีเต็ม จากนั้นในปี 2026 จะมีการประกาศประเทศที่จะได้เป็นเจ้าภาพอย่างเป็นทางการอีกครั้ง “โอกาสของประเทศไทย ด้วยความที่ส่วนตัวมีคอนเน็กชั่นเยอะ หลายๆ ประเทศพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนประเทศไทยให้ได้เป็นเจ้าภาพยูธโอลิมปิกเกมส์ ดังนั้นค่อนข้างมั่นใจในระดับหนึ่งว่าจะสามารถช่วยให้ประเทศไทยได้รับสิทธิเป็นเจ้าภาพยูธโอลิมปิกเกมส์ 2030”
