7 วันอันตรายช่วงสงกรานต์ วันที่ 6 ยอดเสียชีวิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 243 ศพ เกิดอุบัติเหตุรวม 1,811 ครั้ง จ.เชียงราย ตายมากที่สุด สาเหตุหลัก ขับรถเร็ว-ดื่มแล้วขับ พบ เด็กและเยาวชนมีอัตราเจ็บ-ตายเพิ่มจากพฤติกรรมเสี่ยง กำชับเข้มงวดกวดขันบังคับใช้กฎหมาย
วันที่ 17 เมษายน 2567 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 16 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่ 6 ของการรณรงค์ ขับขี่อย่างปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ มีตัวเลขดังนี้
อุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 16 เมษายน 2567
เกิดอุบัติเหตุ 242 ครั้ง
ผู้บาดเจ็บ 237 คน
ผู้เสียชีวิต 32 ศพ
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด
ขับรถเร็ว ร้อยละ 37.60
ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 23.97
ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 21.07
ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 84.90 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 83.47 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 41.32 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 32.23 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 00.01 – 01.00 น. ร้อยละ 11.16 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี ร้อยละ 20.07 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,756 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,331 คน
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ แพร่ (13 ครั้ง)
จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ แพร่ (18 คน)
จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ขอนแก่นและสุรินทร์ (จังหวัดละ 3 ศพ)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 6 วันของการรณรงค์ 7 วันอันตราย (11-16 เมษายน 2567)
เกิดอุบัติเหตุรวม 1,811 ครั้ง
ผู้บาดเจ็บรวม 1,837 คน
ผู้เสียชีวิตรวม 243 ศพ
จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 9 จังหวัด
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (71 ครั้ง)
จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ แพร่ (68 คน)
จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (15 ศพ)
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวต่อไปว่า วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงจุดหมายแล้ว แต่ยังมีบางส่วนอยู่ระหว่างเดินทางกลับ ศปถ. จึงกำชับจังหวัดดูแลความปลอดภัยและบริหารจัดการจราจรในเส้นทางสายหลัก เส้นทางเชื่อมต่อถนนสายหลักที่มุ่งสู่กรุงเทพฯ และถนนทางตรงที่มีระยะทางยาว เน้นคุมเข้มการขับรถเร็ว ป้องกันอุบัติเหตุจากการหลับใน และการใช้อุปกรณ์นิรภัยตลอดการเดินทาง รวมถึงเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง
“จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วง 6 วันที่ผ่านมา พบว่า ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือจักรยานยนต์ โดยเพื่อเป็นการลดความรุนแรงของการบาดเจ็บและความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากการใช้จักรยานยนต์ ขอให้ประชาชนสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งเมื่อขับขี่ ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ระมัดระวังและคำนึงถึงความปลอดภัยทั้งของตนเองและผู้ร่วมใช้เส้นทาง”
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการสวมหมวกนิรภัยและเสริมสร้างจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ขอให้จังหวัด หน่วยงาน และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมสร้างการรับรู้ผ่านการประชาสัมพันธ์เรื่องพฤติกรรมเสี่ยงหลักที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ไม่ว่าจะเป็นการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด การดื่มแล้วขับการตัดหน้ากระชั้นชิด การใช้อุปกรณ์นิรภัย และวิธีการขับขี่ยานพาหนะที่ปลอดภัย รวมถึงการจัดทำใบอนุญาตขับขี่ตามที่กฎหมายกำหนด
ทางด้าน นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี กล่าวเสริมว่า ในช่วง 6 วันที่ผ่านมา พบว่าการขับรถเร็วยังคงเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ ศปภ. ได้ประสานให้จังหวัดและกรุงเทพมหานคร ดำเนินการตามมาตรการต่างๆ อย่างเข้มข้น ทั้งการบังคับใช้กฎหมาย กวดขันพฤติกรรมเสี่ยง โดยเฉพาะการขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด พร้อมทั้งขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ยังติดค้างในสถานีขนส่ง ท่าอากาศยาน ท่าเทียบเรือ และสถานีรถไฟทุกแห่ง เพื่อให้สามารถเดินทางกลับได้อย่างปลอดภัย
ขณะที่ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่า จากข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนน พบกลุ่มเด็กและเยาวชนมีอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมเสี่ยง โดยเฉพาะการขับรถเร็ว การดื่มแล้วขับ การไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย และรถจักรยานยนต์ไม่ปลอดภัย ศปถ. จึงประสานจังหวัดใช้มาตรการทางสังคมในการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในเด็กและเยาวชนตั้งแต่ต้นทาง ด้วยการดูแลและป้องปรามจากครอบครัว รวมถึงเตรียมสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 โดยตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2567 ผ่านกลไกสนับสนุนการดำเนินงานต่างๆ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุหลักการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ปัญหาและอุปสรรคของการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนที่จะนำไปสู่การกำหนดมาตรการและกลยุทธ์ในการสร้างความปลอดภัยทางถนนทั้งในช่วงปกติและเทศกาลสำคัญ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และรูปแบบการเดินทางของประชาชนต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุสามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง และไลน์ ปภ.รับแจ้งเหตุ1784 (Line ID @1784DDPM) เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วน.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/