“สรวงศ์” ตอกฝ่ายค้านใส่ชื่อคนนอกในญัตติซักฟอกขัด รธน. ผิดหวังอดเห็นการเมืองใหม่ เหน็บจ้องถล่มดิสเครดิตหวังผลการเมือง “สุทิน” วอนยอมถอยเพื่อรักษาโอกาสตรวจสอบ อย่าให้คนคิดไร้ข้อมูลถึงหาทางลงโยนบาปประธานสภาฯ “ไหม” ยืนกรานไม่ถอนญัตติ ขีดเส้นต้องคุยให้จบสัปดาห์นี้ ลั่นไม่ยอมให้ญัตติแท้ง ซัดรัฐถังแตกยังแจกเงินหมื่นวัยรุ่น เหน็บซื้อเสียงล่วงหน้านิวโหวตเตอร์ไร้ผลทสท.จับตาออกเหรียญดิจิทัลเอื้อกลุ่มทุน-เปิดช่องฟอกเงิน 105 สว.ยื่น ป.ป.ช.ฟัน “ทวี-ยุทธนา” “ฉัตรวรรษ” ข้องใจผู้นำจิตวิญญาณบงการเกมกลั่นแกล้ง สว. “ณฐพร” ร้องศาล รธน.เชือด กกต.ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ จัดเลือก สว.ไม่สุจริตเที่ยงธรรม จ่อยื่นยุบ ภท.ก้าวก่ายครอบงำ สว.สีน้ำเงิน
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ยืนยันพรรค พท.และรัฐบาลพร้อมตอบชี้แจงญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่พรรคฝ่ายค้านควรปรับแก้ไขการใส่ชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่ในญัตติจนเป็นปัญหา เนื่องจากเป็นการไม่สมควรและผิดรัฐธรรมนูญ
“สรวงศ์” ซัดใส่ชื่อคนนอกผิด รธน.
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 มี.ค. ที่รัฐสภา นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า นายกฯ พร้อมอธิบายและตอบคำถาม ทุกสิ่งทุกอย่างตลอด 5 เดือนนายกฯทำด้วยตัวเอง และตัดสินใจเองทุกอย่าง เรื่องตอบคำถามและชี้แจงในสภาฯ ไม่ใช่ปัญหา แต่ตอนนี้ญัตติที่ประธานสภาฯมองว่าไม่สมควร มองว่าผิดรัฐธรรมนูญด้วยการใส่ชื่อบุคคลภายนอกที่ไม่มีโอกาสเข้ามาตอบโต้หรือตอบคำถามในสภาฯอยู่ในญัตติ ถ้าประธานบรรจุเข้าไปเท่ากับประทับตราว่าพูดถึงบุคคลภายนอกได้เลยซึ่งไม่เคยมี
ผิดหวังไหนบอกการเมืองใหม่
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยยอมหรือไม่ หากประธานสภาฯปล่อยให้ทำ นายสรวงศ์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและนายกฯ พร้อมอยู่แล้วที่จะมาชี้แจง ถ้าพร้อมจะบรรจุไปพร้อมปฏิบัติตาม แต่ว่าการที่จะพูดถึงบุคคลภายนอกในสภาฯ และเกิดความเสียหายบุคคลนั้นไม่สามารถเข้ามาตอบโต้ในสภาฯได้ ต้องดูตามเนื้อหาที่จะอภิปรายในสภาฯ เมื่อถามว่าพรรคเตรียมการอย่างไรเพราะฝ่ายค้านมีธงจะพูดถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายสรวงศ์กล่าวว่า ต้องถามกลับฝ่ายค้านให้ประชาชนตั้งคำถามว่าสรุปแล้วการยื่นญัตติครั้งนี้หวังอะไรก่อน ถ้าหวังจะให้เกิดผลดีกับประเทศเกิดขึ้น มีการปรับเปลี่ยนการทำงานของนายกฯจริงๆ หรือมีการเสนอแนะการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่มีปัญหา แต่กลายเป็นเหมือนที่เคยให้สัมภาษณ์เมื่อเห็นญัตติแล้ว ค่อนข้างผิดหวังว่าจะได้เห็นการเมืองใหม่ๆ แต่สุดท้ายกลับไปเหมือนเดิม อยู่การเมืองมา 20 ปี เห็นแบบนี้มาตลอด หวังที่จะพูดดิสเครดิตอีกฝั่ง ให้เกิดผลทางการเมือง ยืนยันไม่ต้องมีองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ทุกสิ่งอย่างเกิดจากเนื้องานและเนื้อการอภิปราย
“สุทิน” ขอร้องแก้ญัตติหรือไร้ข้อมูล
นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวว่า อยากขอร้องฝ่ายค้านเพื่อให้กระบวนการตรวจสอบเดินหน้าได้ ควรปรับแก้ญัตติ สมัยตนทำงานกับพรรคก้าวไกล ประธานชวน หลีกภัย ให้แก้ให้ปรับเราปรับแก้ ถ้าหากพรรค ปชน.ไม่แก้ คนเริ่มสงสัยอีกแบบว่ามีข้อมูลเฉพาะนายทักษิณอย่างเดียวหรือไม่ ข้อมูลอื่นไม่มี ถ้าไม่มีนายทักษิณจะอภิปรายไม่ได้ แล้วทุกคนจะมองว่าพรรค ปชน.หาเรื่องล่มสภาฯ ทำให้วาระไม่ถูกบรรจุ และโยนความผิดให้ประธานสภาฯ เพื่อให้ความเข้าใจอันดีควรแก้ไข ไม่เสียหายอะไร ยอมแก้ให้ข้อบังคับ ยอมถอย กับ ประธานสภาฯ ไม่เสียหาย และจะได้อภิปรายไปตามหน้าที่ ถ้าไม่ได้พูด จะไม่มีโอกาส เมื่อถามว่าฝ่ายค้านกังวลว่าถ้าไม่ใส่ชื่อองครักษ์จะทำงานจนอภิปรายไม่ได้ นายสุทินกล่าวว่า การอ้างถึงบุคคลภายนอก ถ้ามีพองามเป็นสีสันก็เดินต่อไปได้ การจะพูดถึงคนภายนอกไม่ต้องเอ่ยชื่อเขาก็รู้หมด ใช้เทคนิคการอภิปราย อย่าหาว่าแนะนำทำได้ ถ้าไปปิดขังตัวเองจะเสียโอกาส ถ้าไม่แก้จะถูกมองว่าไม่พร้อมเลยหาทางลง เอาเรื่องนายทักษิณมาอ้าง เป็นผลเสียมากกว่า
“อนุทิน” เชื่อไม่ถึงขั้นปิดประตูตาย
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ พร้อมที่จะตอบและรัฐบาลพร้อมชี้แจงอยู่แล้ว เมื่อวันที่ 11 มี.ค.นายกฯแจ้งรัฐมนตรีทุกกระทรวง ให้เตรียมข้อมูลให้พร้อม เดาเล่นๆว่านายกฯน่าจะตอบเองด้วยซ้ำ แต่รัฐมนตรียังคงไว้ซึ่งสิทธิชี้แจงหากถูกพาดพิง และหากเป็นเชิงรายละเอียดควรจะให้รัฐมนตรีผู้ปฏิบัติมาชี้แจง เมื่อถามว่าที่ขีดเส้นต้องยื่นแก้ญัตติภายในวันที่ 17 มี.ค.อาจไม่ทัน นายอนุทินกล่าวว่า เป็นเรื่องของสภาฯ เรามีหน้าที่เตรียมความพร้อม เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น แต่ไม่น่าจะไปถึงขั้นนั้นไม่มีการอภิปรายฯ ตกลงกันได้อยู่แล้ว ถ้ายื่นอภิปรายนายกฯ ควรจะพูดถึงแค่นายกฯ
“ทักษิณ” พบมวลชนพิษณุโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีกำหนดการลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก เพื่อพบปะมวลชน ในงานเรื่องเล่า “ประสบการณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของมวลชน” ในวันที่ 17 มี.ค. ที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดยจะมีมวลชนทั้ง จ.พิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียง อาทิ จ.พิจิตร อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ อุทัยธานี และสุโขทัย มาร่วมด้วย โดยนายทักษิณจะกล่าวทักทายและพูดคุยกับมวลชน จากนั้นนายทักษิณจะถ่ายภาพกับมวลชนก่อนเดินทางกลับ
“ไหม” ยันไม่ถอนคุยให้จบสัปดาห์นี้
ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ปชน.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประธานสภาฯระบุหากพรรคฝ่ายค้านไม่ถอนชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 จะไม่บรรจุระเบียบวาระว่า ยืนยันตามเดิมว่าเป็นไปตามหลักการข้อกฎหมายชัดเจน ที่เราจะบรรจุชื่อของบุคคลภายนอกในญัตติได้ ต้องมีการพูดคุยกับประธานสภาฯว่า ตกลงยืนยันข้อกฎหมายถูก หรือเป็นอำนาจประธานสภาฯ ทำได้จริงหรือไม่ และคงต้องหาทางออกร่วมกัน อย่างไร ก็ตามจะไม่ยอมให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่เกิดขึ้น ในสมัยประชุมนี้แน่นอนและต้องคุยให้จบภายในสัปดาห์นี้ เมื่อถามว่าหากประธานไม่ยอมบรรจุวาระ จะยอมแก้หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า จริงๆมีข่าวให้คำแนะนำ เราว่าจะใส่ชื่อแทนชื่อของนายทักษิณไว้อย่างไร มีคนแนะนำมาเยอะ เช่น ชายคนนั้น พี่คนนั้น คนที่คุณก็รู้ว่าใคร เรายังยืนยันว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ แต่ต้องรอดูว่าจะคลี่คลายแบบไหน
เย้ยไร้ผลแจกเงินหมื่นซื้อใจวัยโจ๋
น.ส.ศิริกัญญายังกล่าวถึงกรณีรัฐบาลเตรียมแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต กลุ่มคนอายุ 16-20 ปี ว่า เป็นการเลือกที่แปลกประหลาด ประเด็นอยู่ที่งบฯ อาจไม่เพียงพอในงบฯปี 68 ทำให้อาจต้องขยายไปถึงงบฯปี 69 จึงต้องซอยเป็นเฟสๆ เฟสนี้ไม่แน่ใจว่า ทำไมลดเหลือเพียงแค่ 2 ล้านคนหรือ 2 หมื่นล้านบาท ดูกรณีก่อนหน้าแจกเงินสดคือมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ครั้งแรกเม็ดเงินใหญ่ขนาดนั้น ยังไม่ทำให้เศรษฐกิจกระดิกได้ จีดีพีตกเป้า การบริโภคภาคเอกชนไม่มีการกระเตื้อง ครั้งนี้ 2 หมื่นล้านบาทจะให้เกิดผลกระตุ้นเศรษฐกิจคงไม่มี แต่ไม่แปลกใจรัฐบาลเลิกพูดถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะพูดเรื่องเตรียมคนเข้าสู่ยุคดิจิทัล เอกสารที่เข้าสู่รายงานการประชุมไม่มีการประเมินผลการกระตุ้นเศรษฐกิจโครงการนี้ คนบอกว่าสรุปแล้วซื้อเสียงล่วงหน้านิวโหวตเตอร์หรือไม่ ถ้าเป็นจริงรับไม่ได้ที่ใช้ภาษีประชาชนทำการแบบนี้ คิดว่าซื้อไม่ได้จริงเพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่ มีวิจารณญาณมากพอจะไม่ถูกซื้อได้ด้วยเงิน 1 หมื่นบาท เชื่อว่ารัฐบาลไม่มีทางคิดแบบนี้แน่นอน เพราะไม่มีผลทั้งคู่
ดิ้นฟื้นความนิยม พท.ตกต่ำ
น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ต้องตรวจสอบต่อไป แต่ความชัดเจนยังไม่มี เงินส่วนนี้เป็นงบกลางที่ตั้งไว้กระตุ้นเศรษฐกิจ ใช้ไปกับกลุ่มผู้สูงอายุและรอบนี้ 2 หมื่นล้านบาท จะเหลือเงินกระตุ้นเศรษฐกิจลดลงเรื่อยๆ ไม่ทราบว่าจะแจกทั้งหมดหรือเปลี่ยนไปทำโครงการอื่นหรือไม่ เพราะถ้อยคำรัฐบาลบอกดูตามความเหมาะสม ไม่รู้ว่าเหมาะสมของอะไร เห็นแล้วว่า 2 รอบแรกไม่ได้เกิดอะไรกับเศรษฐกิจ เมื่อมีครั้งที่ 3 เราบอกว่าครั้งที่ 4 มีไม่ได้แล้ว สรุปแล้วความเหมาะสมของรัฐบาลเป็นความเหมาะสมทางเศรษฐกิจหรือทางการเมือง ช่วงความนิยมตกต่ำก็งัดเอาดิจิทัลวอลเล็ตมาปลอบประโลมประชาชน ยังแจกเงินอยู่ เอาความนิยมคืนมา ที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ระบุอย่ากังวลเงินมีพร้อมอยู่แล้ว ไม่ได้ไปกู้ใคร ต้องกู้แน่นอนทั้งหมดเท่าที่เอามาใช้ ที่ผ่านงบฯปี 68 รัฐบาลต้องตั้งงบฯขาดดุล 8 แสนกว่าล้านบาท เพื่อเอามาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ฉะนั้นอย่าพูดว่าไม่ได้กู้ใครมา เป็นภาษีประชาชนต้องปกป้องสุดหัวใจ และต้องการันตีว่าโครงการที่ทำไปคุ้มค่า ไม่เช่นนั้นฝ่ายค้านไม่ต้องทำงาน
จับตาออกเหรียญดิจิทัลเอื้อกลุ่มทุน
นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า ขอตั้งคำถามประสิทธิภาพมาตรการแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ประชาชนจะพึงพอใจ แต่ไม่ได้ส่งผลกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยที่มีนัยสำคัญ เศรษฐกิจไทยปี 67 โตแค่ 2.5% ใช้งบฯไป 0.8%ของ GDP กระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียง 0.3% ต่ำกว่าความคุ้มค่าของเงินภาษีที่ใช้ไป รอบใหม่ที่จำกัดเฉพาะอายุ 16-20 ปี สะท้อนรัฐบาลอาจเผชิญปัญหางบฯหรือปรับลดวงเงินโครงการ ตกลงทำเพื่อประชาชนหรือเป็นเครื่องมือการเมืองของรัฐบาล มีข้อมูลว่าผู้มีอำนาจและกลุ่มทุนเตรียมออกเหรียญดิจิทัลเชื่อมโยงกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล อาจส่อเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนหรือพวกพ้องมากกว่าช่วยประชาชน และยังมีข้อกังวลว่าอาจเปิดช่องให้เกิดการฟอกเงินได้ ทำให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนไม่โปร่งใสและยากต่อการตรวจสอบ หากไม่มีมาตรการกำกับดูแลที่ชัดเจน กลายเป็นช่องโหว่ฟอกเงินผ่านระบบนี้โดยง่าย
มท.1 จี้ปลัด มท.สอบซื้อตึก 7 พันล้าน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง สปส.ใช้งบฯซื้อตึก 7 พันล้านบาทว่า ได้โทรศัพท์แจ้งนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้เรียกประชุมครั้งแรกโดยเร็ว ไม่ต้องกลัวธงหรืออิทธิพลใดๆ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวถึงอดีตรัฐมนตรีทำให้การตรวจสอบติดขัด นายอนุทินตอบว่า ไม่รู้ว่าเชื่อมโยงถึงใคร แต่ทุกอย่างขอให้เป็นไปตามหลักฐาน และข้อเท็จจริง
“พิพัฒน์” ให้รอผลสอบข้อเท็จจริง
ต่อมานายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวว่า ยินดีให้ตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสทุกมิติ โดยเฉพาะการซื้อตึก SKYY 9 ย่านพระราม 9 เมื่อตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาแล้ว อยากให้รอดูผลการสอบข้อเท็จจริง เลขาธิการ สปส.เปลี่ยนคนไปแล้ว แต่ปลัดแรงงานเป็นประธานการประชุมในบอร์ดของ สปส. คงต้องหารือกับปลัดกระทรวงแรงงานอีกครั้งหนึ่งว่าจะแสดงเป็นสปิริตอย่างไร หรือมอบงานให้ท่านใดท่านหนึ่งไปดูแล สปส.แทนไม่ให้งานชะงัก และต้องหารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ด้วย
105 สว.เข้าชื่อยื่น ป.ป.ช.ฟัน “ทวี”
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว.พร้อม สว.รวม 81 คน นำรายชื่อ สว.105 คนมายื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ผ่านนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช. ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 กรณีรับคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษในความผิดฟอกเงิน โดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษวันที่ 6 มี.ค.มีมติรับคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ ตั้งสมมติฐานมีมูลค่าฮั้ว สว.300 ล้านบาท มีเจตนาพิเศษ จงใจกลั่นแกล้งให้ สว.ได้รับโทษทางอาญา
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า ไม่รู้ใครคุมกระทรวงยุติธรรม แต่ความยุติธรรมในประเทศไม่เกิดขึ้น ความระส่ำระสายเกิดขึ้นทุกองค์กรจากผู้นำจิตวิญญาณบางคนที่คุมฝ่ายการเมืองได้ เหมือนคนเลี้ยงแมวใส่ปลอกคอ คอยกระตุกจะให้เลือกจับหนูตัวไหน นอกจากแมวจะจับหนู ยังกินปลาด้วย วันหนึ่งเจ้าของแมวโยนแมวไปในน้ำให้จับปลา แต่ลืมไปแมวว่ายน้ำไม่เป็น เลยจมน้ำตาย เหมือนอธิบดีดีเอสไอไม่มีอำนาจตรวจสอบ สักวันหากคนเลี้ยงแมวไม่อยู่ แมวจะตายและติดคุก
สว.สำรองยื่น ปธ.กกต.พักงาน “แสวง”
วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะ สว.ลำดับสำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ยื่นต่อประธาน กกต.ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ผู้อำนวยการเลือก สว.เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.67 โดย พล.ต.ท.คำรบกล่าวว่า ตามที่มีข่าวมีผู้ตรวจการเลือกตั้งยื่นหนังสือต่อประธาน กกต.เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.67 ว่า ได้รายงานข้อมูลเบาะแสต่อหน้านายแสวง จะมีผู้สมัคร สว.รอบระดับประเทศเป็นกลุ่มจัดตั้งนำสมุด สว.3 ที่จดหมายเลขผู้สมัครลงคะแนนนำเข้าไปในคูหาเลือกตั้งลงคะแนน แต่นายแสวงบอกว่า “ถึงแม้จะรู้ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ปล่อยให้เขานำเอา สว.3 เข้าไปในคูหาเลือกรอบไขว้ได้” นายแสวงแต่งตั้งผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นกรรมการสอบข้อเท็จจริง รอบปีที่ผ่านมาประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของนายแสวงเท่าไหร่ และขอให้นายแสวงหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าจะสืบสวนไต่สวนเรื่องคัดค้านต่างๆ เกี่ยวกับการเลือก สว.เสร็จ
“ณฐพร” ยื่นฟัน กกต.เลือก สว.ไม่สุจริต
เมื่อเวลา 13.20 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญเพื่อเอาผิด กกต.ทำให้กระบวนการได้มาซึ่ง สว.ไม่เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม โดยนายณฐพรกล่าวว่า กกต.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจัดเลือกตั้ง ไม่สุจริต มีการฮั้ว จ้างลงคะแนน ข้อมูลต่างๆดีเอสไอได้รับสอบสวนตั้งแต่เดือน ก.ย.67 แล้ว รวมทั้ง สว.ชุดนี้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ มีการกระทำที่เห็นชัดว่าอยู่ในการควบคุมของพรรค ภท.
จ่อยื่นยุบ ภท.ก้าวก่ายครอบงำ สว.
“มีคลิปเสียงนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.คุยกับผู้สมัคร สว.รายหนึ่งต่อรองว่าจะให้ 50,000 บาท แต่หากเข้ามาเป็น สว.จะให้เอาเงินมาบริจาคพรรค 200,000 บาท สว.ชุดนี้ 140 กว่าคนมีมติเหมือนกันเกือบจบทุกอย่าง เช่น การแต่งตั้งรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ทราบข่าวว่าให้ไปพบกับนายเนวิน ชิดชอบ แต่รองผู้ว่าฯไม่ไป มีคะแนนเสียง 140 ไม่ลงคะแนนให้ เห็นชัดว่า สว.ชุดนี้ปฏิบัติหน้าที่ตามอิทธิพลของพรรคการเมือง กกต.รู้อยู่แล้วว่ามีการฮั้ว มีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แต่ กกต.กลับไม่สืบสวนสอบสวนปฏิบัติหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้พรรค ภท. จึงยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญเอาผิด กกต.ในฐานะจัดการเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม เป็นเหตุให้การเลือกสว.เป็นโมฆะ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ระหว่างที่ศาลรับคำร้องของตนมีคำสั่งให้ สว.ชุดนี้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และจะไปยื่นยุบพรรค กรณีพรรคการเมืองก้าวก่ายการดำเนินการเรื่อง สว. จะเกี่ยวกับมาตรา 49 กรณีล้มล้างการปกครองฯ” นายณฐพรกล่าว
ตีตก ครม.ยื่นวินิจฉัยคุณสมบัติ รมต
วันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับวินิจฉัยคดีที่ ครม.มอบหมายให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) กรณีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของนายกฯและ ครม.ในการเสนอชื่อบุคคลเพื่อทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 23/2567 ที่บุคคลต้อง “มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” “ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” “ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท” ว่ามีขอบเขตหรือแนวทางการพิจารณาอย่างไร โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มติโดยเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในประเด็นที่ว่าบุคคลต้อง “มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” และ “ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” โดยไม่เข้าหลักเกณฑ์ให้รับวินิจฉัย
สภาหมื่นล้านท่อน้ำแตกซ้ำซาก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ทางลงอาคารจอดรถ ชั้นใต้ดินบี 1 เกิดเหตุท่อน้ำประปาจากบนฝ้าเพดานชั้นบี 1 แตก ทำให้น้ำจำนวนมากทะลักจากท่อแตกไหลลงมายังพื้นทางเดินบริเวณชั้นบี 1 เจิ่งนองไปทั่วจนต้องระดมพนักงานทำความสะอาด ทั้งแม่บ้าน-พ่อบ้านจากโซนอื่นลงมาช่วยกันซับน้ำ และเช็ดน้ำทำความสะอาด ส่งผลทำให้รถที่จะลงไปยังชั้นจอดรถใต้ดินชั้นบี 1 ติดขัดอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาหลายนายต้องลงมาจัดระเบียบ อำนวยความสะดวก และปิดการสัญจรชั่วคราว ให้ไปกลับรถในล็อกอื่นแทน พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารและสถานที่ให้เรียกช่างประปาขึ้นมาซ่อมแซมท่อน้ำที่แตกบริเวณใต้ฝ้าเพดานด่วน
“นายกฯ” เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องคริสตัล ฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงานเผยแพร่ยุทธศาสตร์และนโยบายส่งเสริมการลงทุน หัวข้อ “Ignite Thailand : Invest in Endless Opportunities โอกาสการลงทุนไร้ขีดจำกัดในประเทศไทย” มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยมีนักลงทุนต่างประเทศเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก โดย น.ส.แพทองธารได้พูดสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น
เตรียมการในหลวง-ราชินีเสด็จภูฏาน
จากนั้นเวลา 14.00 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเตรียมการถวายความสะดวก โอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน โดยเป็นการเสด็จเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ (State Visit) ครั้งแรกของรัชกาลปัจจุบัน มีผู้แทนหน่วยราชการในพระองค์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม จากนั้นนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ที่ประชุมวางแผนเตรียมความพร้อมให้การเสด็จฯราบรื่นสมพระเกียรติ โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมการถวายความสะดวก มีนายกฯเป็นประธาน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและ รมว.คมนาคม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย เป็นรองประธาน มี รมว.ต่างประเทศและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการ ทั้งนี้ นายกฯมอบหมายให้นายอนุทิน เป็นรัฐมนตรีติดตามเกียรติยศในฐานะผู้แทนรัฐบาลในคณะผู้ติดตามเสด็จอย่างเป็นทางการ ตามแนวทางที่เคยปฏิบัติในโอกาสการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ เพื่อทำหน้าที่ประสานงานและดูแลการเตรียมการต่างๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ
ที่มา ไทยรัฐ