“รังสิมันต์ โรม” อัด “วันนอร์” รับงานมา ปกป้องนายใหญ่ สกัดฝ่ายค้าน ไม่ให้ตรวจสอบรัฐบาล ใช้อำนาจไม่สุจริต เอนเอียง ไม่สมกับเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในสภาฯ
วันที่ 8 มี.ค. 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า การที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ สั่งให้ฝ่ายค้านแก้ญัตติเอาชื่อนายทักษิณ ชินวัตร ออก คือการใช้อำนาจเอื้อพวกพ้อง และหวังสกัดฝ่ายค้าน ไม่ให้ตรวจสอบรัฐบาล เป็นการใช้อำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประการแรก ในเรื่องของการเขียนญัตติไม่ว่าจะเป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือญัตติอื่นทั่วๆ ไป ไม่มีกฎหมายหรือข้อบังคับใดของสภาฯ ที่ห้ามการเอ่ยถึงบุคคลภายนอก การเอ่ยถึงบุคคลภายนอกทำได้ โดยที่ข้อบังคับของสภาฯ ระบุเพียงว่าห้ามเอ่ยถึงชื่อบุคคลใดโดยไม่จำเป็น ซึ่งในกรณีนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่านายทักษิณเป็นที่สงสัยว่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับการบริหารบ้านเมือง ทิศทางของประเทศหลายเรื่อง เราได้ยินจากปากอดีตนายกฯ ไม่ใช่จากนายกฯ วันนี้คนรอฟังจากนายกฯ ผู้พ่อ ไม่ใช่ผู้ลูก ดังนั้น ถ้าห้ามฝ่ายค้านเขียนญัตติโดยระบุชื่อนายทักษิณ ไม่ต่างอะไรกับการที่ประธานสภาฯ ใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อกลั่นแกล้งฝ่ายค้านให้ทำหน้าที่อย่างไม่เต็มที่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ประการที่สอง การที่ประธานสภาฯ ให้รองเลขาธิการสภาฯ รักษาการแทนเลขาธิการสภาทำหนังสือถึงฝ่ายค้านโดยอ้างว่าญัตติของฝ่ายค้านมีความบกพร่องนั้น เป็นการทำหน้าที่และใช้อำนาจไม่ถูกต้อง เพราะความบกพร่องในที่นี้ต้องมีลักษณะเป็นความบกพร่องในรูปแบบหรือมีฐานทางกฎหมายไม่ครบถ้วนในการที่จะเสนอญัตติได้ เช่น จำนวนผู้ลงชื่อเสนออภิปรายไม่ไว้วางใจมีไม่ครบ ขาดตกบกพร่อง หรือลายเซ็นผิดพลาด ลักษณะแบบนี้มันถึงจะเข้าเกณฑ์ว่าเป็นความบกพร่อง การใช้อำนาจมั่วซั่ว โดยถือว่าการระบุชื่อบุคคลภายนอกเป็นความบกพร่องนั้น เป็นการใช้อำนาจที่เกินขอบเขตไปมาก เชื่อว่าเจ้าหน้าที่สภาฯ รู้ดีว่าการใช้อำนาจแบบนี้เป็นการใช้อำนาจที่ไม่ชอบ แต่คงจะถูกกดดันหรือถูกสั่งให้ทำแบบนี้ เนื่องจากประธานสภาฯ รับงานมาและปกป้องนายใหญ่ จึงทำให้ทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดไม่ให้ฝ่ายค้านสามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ประการที่สาม การใช้อำนาจของประธานสภาฯ ยังเลวร้ายไปอีก เมื่อพบว่าการทำหนังสือแจ้งดังกล่าวมาที่ฝ่ายค้าน กลับพบว่าขัดแย้งต่อข้อบังคับการประชุมข้อที่ 176 หากพบว่าญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมีความบกพร่องจะต้องแจ้งต่อผู้เสนอภายใน 7 วัน ปรากฏว่าการแจ้งของประธานสภาฯ กลับเกินกำหนดไปแล้ว ยิ่งตอกย้ำว่าการใช้อำนาจนี้เป็นการใช้อำนาจที่ไม่สุจริต เพื่อหวังปกป้องบุคคลที่ตัวเองรับใช้เท่านั้น ประการสุดท้าย การเสนอญัตติที่มีการระบุชื่อบุคคลภายนอกไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่ทำกันมาโดยตลอด มีหลากหลายญัตติที่มีการเอ่ยชื่อถึงบุคคลภายนอก ยอมรับกันมาตรงๆ ว่าปัญหาของเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องความบกพร่องอะไร เพียงแต่คงจะมีบางคนไม่พอใจที่ฝ่ายค้านเอ่ยชื่อแบบนี้ใช่หรือไม่
“เราควรจะเห็นการทำหน้าที่ของผู้อาวุโสที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ควรทำหน้าที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในสภาฯ ยึดถือกฎเกณฑ์เป็นที่ตั้ง วางตัวเป็นกลางให้สมกับบทบาทของประธานสภาฯ แต่นี่มิใช่เลย กลับทำตัวเอนเอียงเข้าข้างฝ่ายรัฐบาลชัดเจนไม่มีความเหมาะสมของการเป็นประธานจริงๆ นี่จะหนีการตรวจสอบของสภาด้วยวิธีนี้จริงๆ หรือ” นายรังสิมันต์ กล่าว
ที่มา ไทยรัฐ