แพทยสภาลงมติฟัน 3 แพทย์ช่วย “ทักษิณ” นอนพักรักษาตัว ชั้น 14 รพ.ตำรวจ “หมอประสิทธิ์” เผยตักเตือน 1 ราย เหตุออกใบส่งตัวเข้าข่ายประกอบวิชาชีพเวชกรรม ไม่ได้มาตรฐาน สั่งพักใบประกอบวิชาชีพฯ 2 หมอเฉพาะทางและออร์โธปิดิกส์ เซ่นให้ข้อมูลเอกสารการแพทย์ไม่ตรงความเป็นจริง ยันแพทยสภาได้ข้อมูลไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดมีภาวะวิกฤติเกิดขึ้น ชง รมว.สธ.ชี้ขาดพักใบประกอบวิชาชีพนานแค่ไหน ศาลยกคำร้อง “ทักษิณ” ขอบินไปกาตาร์ หวังเจอ “ทรัมป์” ในงานเลี้ยงเจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์ ชี้เหตุเป็นหนังสือเชิญส่วนตัว ไม่ได้เชิญในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน สส.-สว.รุมเฉ่งรัฐสภาผลาญงบฯเกินงาม “รักชนก” ฉะขอ 4.6 พันล้านสร้างอาคารจอดรถอลังการ “นันทนา” ขย่มของบฯซ่อมแซมฟุ้งเฟ้อ ไม่โปร่งใส ผ่าน ครม.10 โครงการ 956 ล้าน หมกเม็ดไว้ 5 โครงการ1,817ล้านบาท
หลังสังคมจับตาแพทยสภาจะพิจารณาสอบสวนจริยธรรมแพทย์ที่เกี่ยวข้องกรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจออกมาอย่างไร ล่าสุดแพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยตักเตือน 1 คน กรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน กรณีให้ข้อมูลและเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง
มติแพทยสภาฟัน 3 หมอช่วย “ทักษิณ”
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 8 พ.ค.ที่อาคารมหิตลาธิเบศร กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แพทยสภามีการประชุมคณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ประจำเดือน พ.ค. มีวาระสำคัญนำเสนอผลสรุปการสอบสวนจริยธรรม แพทย์ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองของแพทยสภา กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จากนั้นเวลา 16.00 น.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 ประธานในที่ประชุม แถลงว่า ที่ประชุมกรรมการแพทยสภาพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องอยู่ในความสนใจของประชาชน กรณีกล่าวโทษแพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ที่ประชุมโดยเสียงส่วนใหญ่มากๆ มีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยตักเตือน 1 คน กรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คนกรณีให้ข้อมูลและเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง หลังจากนี้จะนำเสนอมติต่อสภานายกพิเศษ คือ รมว.สธ.ขอความเห็นชอบก่อนดำเนินการตามมติ ต้องรอความเห็นจาก รมว.สธ. ตามขั้นตอนใน พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525
ให้ข้อมูลเท็จพักใบประกอบวิชาชีพ 2
นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า กรณีแพทย์ที่ถูกตักเตือนเป็นความผิดที่ไม่ได้รุนแรง เนื่องจากเกี่ยวกับการ ออกใบส่งตัว ส่วนแพทย์อีก 2 คนที่ถูกพักใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นแพทย์เฉพาะทางและออร์โธปิดิกส์ เป็นเรื่องการให้ข้อมูลเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ข้อมูลที่แพทยสภาได้รับ ไม่ได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤติเกิดขึ้น เป็นเหตุของการพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นการลงโทษขั้นรุนแรงของแพทย์ทุกคน ถือเป็นความผิดที่รุนแรง
ชี้ไร้หลักฐานประจักษ์ชัดมีภาวะวิกฤติ
เมื่อถามว่าหมายความว่าไม่ป่วยจริงใช่หรือไม่ นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า บอกได้แค่ว่าข้อมูลหลักฐานทั้งหลายที่เราได้รับ ไม่ได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤติเกิดขึ้นตามที่มีการแถลงข่าว อยู่ที่การตีความ อาจจะไม่ใช่หลักฐานทั้งหมด แต่ที่เราได้รับมาเป็นแบบนั้น ดังนั้นไม่สามารถบอกว่าต้องพักใช้ใบอนุญาตนานเท่าไหร่ อยู่ที่ความเห็นชอบของสภานายกพิเศษ ต้องรอให้จบทุกขั้นตอน จึงจะบอกได้ว่าต้องพักใช้ใบประกอบวิชาชีพนานเท่าไหร่ เมื่อถามว่ามติแพทยสภาครั้งนี้จะเรียกความเชื่อมั่นได้หรือไม่ เพราะสังคมจับตาการทำงานของแพทยสภา นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า แพทยสภายึดความถูกต้อง ยึดหลักฐานต่างๆ เราไม่ได้สนใจปัจจัยภายนอก ไม่ได้สนใจว่าคนไข้คนนี้คือใคร ไม่อย่างนั้นจะเป็นประเด็น จากข้อมูลที่มีแบบนี้จึงสรุปออกมาแบบนี้ ขอให้รู้ว่า พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 มีมติอย่างไร ยังไม่สิ้นสุด คำสั่งยังออกไม่ได้จนกว่ารมว.สธ.จะเห็นชอบ
3 กก.ซีก สธ.ส่งตัวแทนเข้าประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่มีประมาณ 70 คน ทั้งกรรมการโดยตำแหน่ง ประกอบด้วย สัดส่วนกระทรวงสาธารณสุข คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ ผู้แทนนายแพทย์ใหญ่รพ.สี่เหล่าทัพ คือเจ้ากรมแพทย์ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ สัดส่วนผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุขประกอบด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ และ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย ปรากฏว่าทั้ง 3 คนส่งผู้แทนมาเข้าประชุมเนื่องจากติดภารกิจ ส่วนกรรมการโดยตำแหน่งที่ลาประชุม คือ ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา ติดภารกิจไปต่างประเทศ
“สรวงศ์” ขออย่าโยงชั้น 14 เป็นการเมือง
ที่ทําเนียบรัฐบาล นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงมติแพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 คนจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลและพรรค พท.หรือไม่ ว่าคดีนายทักษิณ ไม่เกี่ยวกับพรรคและ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เพราะเข้ามารับตําแหน่งหลังนายทักษิณออกมาจาก รพ.ตำรวจเรียบร้อยแล้ว ไม่อยากให้นำมาเกี่ยวข้องกับพรรค ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเมืองด้วยซ้ำ ไปดูว่าคำวินิจฉัยออกมาเช่นไร เป็นความผิดของใคร หนักขั้นไหน เป็นเรื่องนอกเหนือจากการเมืองจริงๆ
“ชูศักดิ์” ชี้ไม่ส่งแรงกระเพื่อมอะไร
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯให้สัมภาษณ์กรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรียกไต่สวนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประเด็นเข้าพักที่ รพ.ตำรวจ ทำให้บรรยากาศการเมืองชะงักหรือไม่ว่า ทุกคนยังทำงานกันเต็มที่อยู่ ไม่ได้มีอะไร อย่าไปคาดการณ์อะไรมาก ไม่มีใครรู้ว่าคดีจะเป็นอย่างไร มีแต่การคาดเดา ฟังดูศาลให้รวบรวมข้อเท็จจริงไปชี้แจง ส่วนกระแสข่าวปรับ ครม.ทุกคนยังทำงานเต็มที่อยู่ ไม่มีอะไร
“ภูมิธรรม” มั่นใจไร้อุบัติเหตุการเมือง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงข้อกังวลอาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง กรณีศาลนัดไต่สวนนายทักษิณ กรณีพักรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ วันที่ 13 มิ.ย.ว่า ไม่ทราบ ดูแล้วไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีอะไรต้องกังวล นายทักษิณพร้อมไปอยู่แล้ว เมื่อถามว่าหากผลออกมาตรงข้ามจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มีหรอก อย่าไปคิดมาก นายทักษิณมั่นใจว่าทำทุกอย่างถูกต้อง จะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น รัฐบาลเดินหน้าทำงานอยู่แล้ว เมื่อถามถึงกรณีนายทักษิณขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ เพื่อไปตั้งหลักหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ชอบไปฟังข่าวลือ อยากให้ประชาชนมั่นใจรัฐบาลยังคงทำงาน แก้ปัญหาไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น รัฐบาลยังทำงาน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“ทักษิณ” ยื่นคำร้องขอบินไป “กาตาร์”
ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.00 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยนายทักษิณเดินทางมาด้วยรถยนต์โรลส์รอยซ์ สีดำ มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เดินทางมาด้วย จากนั้นศาลได้เปิดบัลลังก์ทำการไต่สวน พร้อมนัดฟังคำสั่งในวันเดียวกัน ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่านายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ เดินทางมาศาลอาญาช่วงเช้า ก่อนเดินทางออกจากศาลอาญาไปเมื่อเวลา 14.28 น. โดยนายวิษณุกล่าวเพียงสั้นๆว่า มาศาลวันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องนายทักษิณขอเดินทางออกนอกประเทศ เพียงมายื่นคำร้องธรรมดา ก่อนเดินทางกลับออกจากศาลไป
ศาลไม่อนุญาตหมายนัดส่วนตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เพื่อเดินทางไปประเทศกาตาร์ ศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนแล้วเห็นว่า จำเลยได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์จากสำนักบริหารผู้รับเชิญ พระราชวังลูเซล ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ประเทศการ์ตา จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ อันมีลักษณะเป็นหนังสือเชิญส่วนตัว มิได้เชิญจำเลยในฐานะที่ปรึกษาของนายกฯมาเลเซีย ที่เป็นประธานอาเซียนประจำปี 2568 ทั้งไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดการที่แน่ชัด เพียงแต่คาดหมายว่าหากประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ มางานเลี้ยงดังกล่าว จำเลยจะมีโอกาสพบปะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์และทีมเศรษฐกิจเท่านั้น ประกอบกับช่วงที่ขอเดินทางไปอยู่ใกล้วันนัดพิจารณาคดีที่ศาลฎีกาและคดีนี้ อาจกระทบต่อกระบวนพิจารณาของศาลได้ กรณียังไม่มีเหตุผลอันจำเป็นที่หนักแน่นเพียงพอที่จะให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร จึงไม่อนุญาต
ทนายยันหวังพบ “ทรัมป์” ทำเพื่อชาติ
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายทักษิณ กล่าวว่า ได้ยื่นคำร้องขอไปประเทศกาตาร์เนื่องจากเจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์ มีหนังสือเชิญนายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะประธานที่ปรึกษาของประธานอาเซียน นายทักษิณยืนยันไม่ได้ไปงานเลี้ยง แต่ไปเพื่อทำคุณประโยชน์ ใช้ประสบการณ์ และความรู้ความสามารถเพื่อประเทศชาติ สังคมและประชาชน เพื่อพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่องการจัดเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศผู้ค้าและการค้าหลายประเทศ นายทักษิณหวังทำเพื่อชาติบ้านเมือง แต่ศาลเห็นว่าอาจเป็นเพียงการคาดหมายว่าไปแล้วจะได้พบ เราน้อมรับดุลพินิจศาล อีกทั้งการเดินทางในวันที่ 14 มิ.ย. ใกล้กำหนดการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่องการบังคับโทษชั้น 14 ที่ศาลฎีกาฯนัดพร้อมตรงกับวันที่ 13 มิ.ย. ได้รับหมายแล้วมีประเด็นที่คาดหมายว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง หรือมีเจ้าหน้าที่รัฐช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ ขอให้เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นและมีหลักฐานจริง ใครจะคิดว่าไม่ป่วยจริงเรื่องของเขา มั่นใจว่าชี้แจงได้ ส่วนมติแพทยสภาไม่ขอก้าวล่วง แต่มีแพทย์คนใดกล้าออกมาบอกหรือไม่ว่านายทักษิณไม่ได้ป่วย ถ้ามีคนกล้าขอให้ออกมาแถลงข่าวต่อสังคมได้เลย
ครม.ไม่เคยคุยประชามติคอมเพล็กซ์
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เสนอแนวทางการทำประชามติร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า ในที่ประชุม ครม.ยังไม่เคยคุยกัน เพราะเกี่ยวกับงบฯ 3-4 พันล้านบาท เมื่อสภาฯเปิดสมัยประชุมร่างกฎหมายนี้ยังอยู่ในลำดับที่ 1 เหมือนเดิม และในที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีการคุยกัน แล้วแต่แนวคิด ตอนนี้คิดว่าเขาเปิดรับฟังกันถ้วนทั่วแล้ว จึงไม่ควรต้องทำประชามติ เพราะพูดเรื่องนี้กันมาช้านานแล้ว มีความเห็นกันโดยทั่วไปอยู่แล้ว สส.เพื่อไทยลงพื้นที่ชี้แจง ที่เข้าใจผิดในเชิงว่าเป็นเรื่องกาสิโนอย่างเดียว พออธิบายแล้วประชาชนเข้าใจไม่มีอะไรขัดข้อง เสียงส่วนใหญ่ก็โอเค เราไปฟังกันมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว สมมติประชาชน 70% เห็นด้วย แล้วอีก 30% ยังโวยอยู่หรือไม่ ก็ยังปั่นอยู่ คอมเพล็กซ์มีหลายอย่างรวม 9 ประเภท ถ้าจะทำอย่างน้อยต้องทำ 4 ประเภท ดึงดูดการลงทุน หากตัดกาสิโนไปจะกระทบต่อผู้มาลงทุน
คดีฮั้ว สว.ไม่ใช่สงครามแดง–น้ำเงิน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว. กลาโหม ประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) กล่าวถึง คดีฮั้วเลือก สว.ถูกมองเป็นสงครามตัวแทนของฝ่ายสีแดงและสีน้ำเงินว่า ไม่ใช่แดงน้ำเงินหรอก เป็นเรื่องคนทำผิดกฎหมายกับคนดำเนินการตามกฎหมาย ว่าไปตามกฎหมาย หากยังหาหลักฐานไม่ได้เพียงพอ เป็นอำนาจศาลพิจารณา ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง 92 สว.ให้พิจารณาความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่ จากการเสนอคณะกรรมการ กคพ.รับกรณีทุจริตเลือก สว.ปี 67 เป็นคดีพิเศษ ในฐานะประธานกคพ.ทำตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้ทำโดยพลการ ส่วนที่ สว.ยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบตนและคณะกรรมการ กพค. ยังไม่มีการเชิญไป
ชี้แจง ถ้าเรียกมายินดีไปอยู่แล้ว
กมธ.ปปช.เชิญ กกต.–ผู้ร้องเข้าชี้แจง
นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรค พท.ประธานคณะ กมธ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาฯ กล่าวว่า หากมีความพยายามยึดวุฒิสภา โดยจัดตั้งพรรคพวกเข้ามาเป็นสว.จำนวนมาก หวังผลประโยชน์ในทางการเมืองจริง ไม่เพียงไม่เคารพกฎหมาย ยังสร้างความเสียหายต่อฝ่ายนิติบัญญัติและประชาธิปไตย จึงจะเชิญผู้ร้องในพื้นที่จังหวัดต่างๆ อาทิ จ.อำนาจเจริญ กกต. มาให้ข้อมูล กมธ.วันที่ 15 พ.ค. ให้ได้ข้อเท็จจริงกระบวนการและขั้นตอนที่นำไปสู่การทุจริต ช่องโหว่ทางกฎหมายที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ของบางกลุ่ม จะเป็นบทสรุปสำคัญนำไปสู่การปรับแก้ไขปิดช่องว่างเหล่านั้น ทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นได้
กมธ.กาสิโนตั้ง 2 อนุฯลุยศึกษา
เมื่อเวลา 10.00 น. มีการประชุมคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร วุฒิสภา มีนายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว.เป็นประธานการประชุมวางกรอบแนวทางศึกษาและตั้งคณะอนุกมธ. 2 คณะคือ 1.อนุ กมธ.วิสามัญ ศึกษาผลกระทบทางสังคมและกฎหมาย มีนายนิพนธ์ เอกวานิช สว.เป็นประธาน 2.อนุ กมธ.วิสามัญ ศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจ มีนายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว. เป็นประธาน และหารือ นิยามคำว่า “สถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนและพนันออนไลน์” ที่จะสอดรับตามร่างกฎหมายของรัฐบาล และหากต้องทำประชามติ จะป้องกันความสับสนในการตอบคำถาม ครั้งหน้าจะเชิญ ครม.โดยเฉพาะนายกฯมาชี้แจง
“ไอซ์” ฉะที่จอดรถสภาแพงกว่าตึก สตง.
อีกเรื่องเกี่ยวกับการตั้งเรื่องของบประมาณสุดฟุ่มเฟือยของรัฐสภา น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรค ปชน.โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ตึก สตง. 30 ชั้นของหรูๆ ราคาแพงฉ่ำๆ ยัง 2,300 ล้านบาท” ตึก กสทช. ยังไม่เห็นไส้ใน แต่น่าจะหรูหราหมาเห่าไม่แพ้กัน รวมทุกอาคาร แถมมีที่จอดรถแบ่ง 2 ตึกด้วยนะ 2,600 ล้านบาท ตึกจอดรถของสภา 4,600 ล้านบาท ก้อนอิฐทำด้วยทองผนังฉาบด้วยไวเบรเนียน หรือป่าว โครงการที่ของบฯแผ่นดิน หากผูกพันเกิน 1,000 ล้านขึ้นไป ต้องผ่านมติ ครม. เพราะกระทบงบฯเยอะ รอดูหน้า ครม. แพทองธาร ชินวัตร จะอนุมัติให้สภาฯทำที่จอดรถ 4,600 ล้านบาทไหมในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ คนไทยลองคิดตามข้อมูลนี้ดู โครงการทำที่จอดรถรัฐสภา 4,600 ล้านบาท เขาต้องการอำนวยความสะดวกให้ใครกันแน่ ระหว่างประชาชนกับผู้รับเหมาก่อสร้าง
ทีโออาร์อาคารจอดรถออกแบบ 10 วัน
นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม.พรรค ปชน. โพสต์ภาพและข้อความบนเฟซบุ๊กหัวข้อ เปิดเอกสารร้องเรียนอาคารจอดรถรัฐสภา ให้เวลาคนออกแบบเพียง 10 วัน เตรียมเอกสารยื่นข้อเสนอออกแบบ ว่า สนง.เลขาสภาฯ ประกาศ TOR วันที่ 10/2/2568 ให้ผู้ออกแบบยื่นข้อเสนอวันที่ 21/2/2568 เหมาะสมแล้วหรือ ที่สำคัญมีเอกชนรายหนึ่ง ร้องเรียนถึงระยะเวลาสั้นเกินไป อาจสร้างความได้เปรียบให้บางบริษัท สำนักงานเลขาสภาฯตอบว่าขอบเขตงานให้เวลาเตรียมตัว 10 วันเหมาะสมแล้ว ตามด้วยประโยคคลาสสิกระยะเวลาดังกล่าวชอบด้วยตามระเบียบ ซึ่งตอบเอกชนหลังวันปิดรับยื่นข้อเสนอไปแล้ว ถ้าลองเปรียบเทียบกับตึก สตง.ที่มีสัญญาจ้างออกแบบ 75 ล้าน สร้างอาคาร 2,500 ล้าน สตง.ยังส่งหนังสือเชิญเอกชนมาดูสถานที่และรับฟังบรีฟ 1 รอบค่อยยื่น กระบวนการตั้งแต่รับทราบโครงการ 30 วัน เทียบกับสัญญาจ้างออกแบบ 100 ล้านสร้างอาคาร 4,000 ล้านของสภาฯ กลับไม่เชิญดูสถานที่ ไม่มีนัดบรีฟ ให้เวลาเตรียมตัวแค่ 10 วัน แม้ผู้ร้องเรียนมีเหตุผลฟังขึ้นกลับไม่ขยายเวลาแม้แต่น้อย
สว.พันธุ์ใหม่ขยี้ผลาญงบฯเกินจำเป็น
เมื่อเวลา 11.00 น. รัฐสภา กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ นำโดย น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.แถลงกรณีการของบฯปรับปรุงรัฐสภาว่าเป็นงบฯฟุ้งเฟ้อเกินจำเป็น ไม่สมเหตุผล ส่อถึงความไม่โปร่งใส ไม่ยึดโยงหลักการที่ควรจะเป็น รัฐสภามีพื้นที่ 120 ไร่ หรือ 420,000 ตร.ม.ใช้งานมาแค่ 4 ปี แต่สภาพที่เห็นเวลาประชุมเจอน้ำรั่ว ซึมทั้งน้ำฝน น้ำแอร์ ฝ้าเพดานถล่ม แต่กลับไม่มีงบฯซ่อมแซม พวกเราทำงานมา 10 เดือนในรัฐสภาพิศวง ไม่สามารถหาห้องได้จากป้ายและยังไม่มีแนวโน้มที่จะของบฯมาทำป้ายบอกทาง แต่กลับขอเป็นงบฯต่อเติม ปรับปรุงและซ่อมแซมที่สิ้นเปลืองมาก งบฯปี 69 มี 10 โครงการมูลค่า 956 ล้านบาทผ่านการเห็นชอบจาก ครม.มาแล้ว อีก 5 โครงการเป็นงบฯหมกเม็ดรวม 1,817 ล้านบาท แม้ยังไม่อนุมัติแต่ดำเนินการไปแล้ว
อนุมัติ 10 งาน 956 ล.หมกเม็ดอีก 1,817 ล.
“งบฯ 10 โครงการที่จะมีการพิจารณา อาทิ โครงการปรับปรุงพิพิธภัณฑ์รัฐสภาทั้งที่ไม่เคยใช้เลย เขาเรียกว่าป่าช้า ไม่มีอะไรจัดแสดงให้เห็นว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวข้องกับกระบวนการนิติบัญญัติ โครงการพัฒนาระบบภาพยนตร์ 4D แบบ IMAX ดินน้ำลมไฟต้องมา 180 ล้านบาท เอามาทำอะไร รัฐสภาไม่ต้องการลมฝนพายุ โครงการปรับปรุงไฟส่องสว่างห้องสัมมนา 117 ล้านบาท โครงการปรับปรุงศาลาแก้วที่ไม่เคยมีใครใช้ แต่เหมาะแก่การตากปลาหมอคางดำเสนอติดแอร์ 123 ล้านบาท อาจทำให้ค่าไฟของรัฐสภาพุ่งเป็น 30 ล้านบาทต่อเดือนจากเดิมเดือนละ 13 ล้านบาท โครงการติดตั้งภาพและเสียงห้องจัดเลี้ยง 99 ล้านบาท โครงการจัดซื้อจอ LED 72 ล้านบาท โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ 43 ล้านบาทโครงการปรับปรุงห้องจัดเลี้ยงอีก 43 ล้านบาท ปัจจุบันน้ำยังรั่ว รายังขึ้นตามเสา ถามว่าผู้รับเหมาเดิมไม่คิดจะรับผิดชอบซ่อมแซมให้หรือ ทั้งที่ปกติงานการสร้างอาคาร หรือบ้านจะมีเวลารับประกันงานสร้างน้อยที่สุด 10 ปี แต่อาคารราคา 2 หมื่นกว่าล้านบาท ทำไมไม่เรียกผู้รับเหมาเดิมมาซ่อมหรือปรับปรุง” น.ส.นันทนากล่าว