“ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ อิ๊งค์ ซัดไร้ภาวะผู้นำ ชี้ “ทักษิณ” คือนายกฯ ตัวจริงอยู่นอกระบบแบบไร้การตรวจสอบ บริหารประเทศตกต่ำยิ่งกว่ารัฐบาล คสช.
เมื่อเวลา 8.37 น. วันที่ 24 มีนาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้กล่าวเปิดอภิปรายฯ ว่า น.ส.แพทองธารมีพฤติกรรมไม่อาจไว้ใจให้บริหารรัฐบาลได้อีกต่อไป เพราะขาดความรู้ความสามารถที่จะแก้ไขให้ประเทศชาติและประชาชน จงใจลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เพียงเพราะเห็นประโยชน์พวกพ้องและครอบครัว อีกทั้งยังไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ ไม่ดำเนินโยบายที่ให้สัญญากับประชาชนไว้ กระทำตัวเป็นนั่งร้าน แถมยังบริหารบ้านเมืองล้มเหลว ทั้งเศรษฐกิจและประชาชน ทำลายระบบนิติรัฐ และเจตนาก่อให้เกิดการคอร์รัปชั่น เอื้อผลประโยชน์พวกพ้องและกลุ่มทุน แต่งตั้งคนไม่มีคุณสมบัติไปเป็นรัฐมนตรี ให้คนในครอบครัวประพฤติเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง ทำตัวเป็นหุ่นเชิด หากยังคงให้บุคคลบริหารรัฐบาลต่อไป อาจยากเกินจะเยียวยาได้
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ พ.ค. 2566 ประชาชนเดินไปใช้สิทธิ์ เพื่อยืนยันสิทธิของตนเองว่าพอกันได้แล้วกับการบริหารแบบเดิมๆ แต่พอได้รัฐบาลชุดใหม่กลับไม่ต่างกันกับรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร ปล่อยปละละเลยชีวิตประชาชน เริ่มตั้งแต่ปัญหาไฟป่า PM 2.5 ทุนเทา ปัญหาปากท้อง ค่าไฟแพง จนถึงทุจริตคอร์รัปชั่น โดยเป็นพฤติกรรมที่ต่อเนื่องจาก นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ดำเนินต่อมาจนถึงสมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ที่ถูกวิจารณ์ ยอมเป็นนั่งร้านเพื่อให้คนตระกูลชิน และบริวารเป็นรัฐมนตรี ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล หากเรื่องไหนที่เดินหน้าได้เร็ว แสดงว่าผลประโยชน์ลงตัว เช่น เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยนายกฯ ให้สัมภาษณ์เรื่องดีลแลกประเทศครั้งนี้ ก็รับตรงๆโดยนัย ว่าเพื่อพานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับบ้าน โดยไม่มีการปฏิเสธ
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า พอมาเป็นรัฐบาลเพื่อทองธาร พบว่าคนหนึ่งโชว์วิสัย นอกทำเนียบ อีกคนบริหารในทำเนียบ โดยคนนอกระบบไม่ต้องรับผิดรับชอบ เพราะไม่ต้องถูกถ่วงดุลตรวจสอบ ส่วนคนที่อยู่ในระบบ แทนที่จะเป็นพลังตัวแทนคนรุ่นใหม่ กลับขาดความรู้ความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ เจตจำนงทางการเมือง เช่นเรื่องค่าเงินบาทแข็ง ที่นายกฯ ตอบสื่อ แค่ “เมอร์รี่คริสต์มาส” อีกทั้งเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ก็ไม่เกิด เมื่อรวมนายกฯ กับนายทักษิณแล้ว ประเทศเสีย 2 ต่อ จึงอยากให้นายกฯ ตระหนักรู้ ว่าการกระทำส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า หากรัฐบาลแพทองธารยังดำรงอยู่ ประเทศจะสูญเสียอะไรไปบ้าง คือ เรื่องค่าไฟ ที่นายกฯ ตัวจริงออกไปตีกอล์ฟ ดีลกับนายทุนพลังงาน เพื่อเอื้อประโยชน์ ที่เป็นต้นทุนที่ประชาชนต้องจ่ายไปกับดีลนี้ รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่ดิน การปฏิรูปกองทัพ เพราะผลงาน 6 เดือนเป็นที่ประจักษ์แล้ว ที่จะให้ทหารอยู่ใต้พลเรือน ก็ล่มไม่เป็นท่า รวมถึงการโหวตคว่ำไม่ยอมโยนอำนาจคดีทางทหารไปขึ้นศาลพลเรือน ที่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลหลอมรวมทหารไปเรียบร้อยแล้ว
นายณัฐพงษ์ ยังชี้ให้เห็นว่า นายทักษิณ คือนายกฯ ตัวจริง ที่อยู่นอกระบบ และมีอภิสิทธิ์เหนือนักโทษคนอื่น ที่ได้พักรักษาตัวอยู่ชั้น 14 แถมรัฐบาลแพทองธารยังปิดประตูแก้รัฐธรรมนูญ เรียบร้อยแล้ว เพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่อยากแก้ เนื่องจากมีเสียง สว. ในมืออยู่แล้ว พร้อมย้ำว่าดีลแลกประเทศครั้งนี้ มีคนเพียงไม่กี่คนได้ผลประโยชน์ ความโปร่งใสตกลงทุกด้าน ตกต่ำมากที่สุดในรอบ 22 ปี ยิ่งกว่ารัฐบาล คสช. พวกเรายังต้องแลกและเสียอะไรไปเท่าไหร่ ที่มี น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี ตนเองในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน จึงไม่อาจไว้วางใจให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป
ที่มา ไทยรัฐ