กกต.เมินร่วมสังฆกรรม “แสวง” ร่อนหนังสือแจ้งไม่เข้าร่วมถก กคพ. ตอบ 2 ประเด็นยืนยันอำนาจสอบคดีฮั้วเลือก สว. เป็นของ กกต.ตามมาตรา 49 ของ พ.ร.ป.กกต. ดีเอสไอลุยต่อ อนุกรรมการกลั่นกรองชงรับโพยฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษ ชี้ความผิดอาญาเกิดขึ้นแล้ว เข้าข่ายอั้งยี่ มีผลกระทบวงกว้าง ขัดต่อความสงบเรียบร้อยฯ ชี้ความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.ไม่ได้ตัดอำนาจหน่วยงานใด เว้นแต่ กกต.จะขอรับโอนคดีเลือกตั้งไปทำเอง “อนุทิน” เผยพา “เนวิน” เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าหารือ “ทักษิณ-แพทองธาร” เคลียร์ปมนโยบาย-ศึกซักฟอก การันตี ภท.-พท.ไร้รอยร้าว ลั่น สส.ภท.ห้ามลา ห้ามขาด เตรียมข้อมูลซัพพอร์ตนายกฯเต็มที่ “แพทองธาร” ตะลุยเบอร์ลิน ชูบิ๊กอีเวนต์ชวนเที่ยวไทย ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยว 39 ล้านคน โกยรายได้ 3.5 ล้านล้านบาท ในปี 2568
กรณีคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) นัดประชุมวันที่ 6 มี.ค. เพื่อพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับคดีโพยฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ โดยทำหนังสือเชิญตัวแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าร่วมหารือด้วย ล่าสุดนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ทำหนังสือแจ้งไม่ส่งผู้แทนไปร่วมประชุม กคพ. พร้อมยืนยันการดำเนินการคดีฮั้วเลือก สว.เป็นอำนาจการวินิจฉัยของ กกต. ตามมาตรา 49 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการ กกต.
กกต.ไม่ส่งตัวแทนร่วมถก กคพ.
เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า กรณีคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) นัดประชุมวันที่ 6 มี.ค.พิจารณาจะรับหรือไม่รับคดีโพยฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ มีรายงานว่านายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ได้ยกร่างพร้อมส่งหนังสือตอบกลับไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว โดยตอบประเด็นข้อกฎหมาย 2 ข้อกรณีการดำเนินการคดีฮั้วเลือก สว. และไม่ส่งผู้แทนไปร่วมประชุม กคพ.
ยัน ม.49 เป็นอำนาจ กกต.สอบฮั้ว สว.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. นายแสวงนำหนังสือของดีเอสไอเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการ กกต.ถึงแนวทางตอบคำถามที่ถามสำนักงาน กกต. 2 คำถาม ในหนังสือระบุว่าขอให้ส่งเลขาธิการ กกต.หรือผู้แทน มาตอบคำถามเกี่ยวกับการตีความข้อกฎหมาย และการดำเนินการตามมาตรา 49 ของ พ.ร.ป.กกต.ในการประชุมกับคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) วันที่ 6 มี.ค. ที่ประชุม กกต.ให้แนวทางตอบคำถาม 2 ประเด็นตามหนังสือดีเอสไอ เพื่อให้ชัดเจนและครบถ้วนมากที่สุด ภายหลังหารือครบถ้วนแล้ว เลขาธิการ กกต.ส่งหนังสือไปให้ได้ก่อนวันประชุม เหตุผลการไม่ส่งผู้แทนไปร่วมประชุม เนื่องจากเห็นว่าสำนักงาน กกต.ได้แนวทางคำตอบชัดเจนตามคำถามของดีเอสไอแล้ว การส่งผู้แทนไปร่วมประชุมและตอบคำถาม อาจเป็นการให้คำตอบที่ไม่สมบูรณ์และไม่ครบถ้วนถูกต้อง ทั้งนี้ ประเด็นหลักที่ตอบคำถามดีเอสไอ ให้คำตอบเกี่ยวกับมาตรา 49 ของ พ.ร.ป.กกต. เพื่อยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจการวินิจฉัยของ กกต. สำนักงาน กกต.เป็นผู้รวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วนสมบูรณ์ก่อนเสนอที่ประชุม กกต.พิจารณาวินิจฉัย
ดีเอสไอลุยต่อ กก.ทรงคุณวุฒิแจ้งลา
วันเดียวกัน คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มอบหมายฝ่ายเลขานุการ กคพ. มีหนังสือเชิญ กกต. มาหารือข้อกฎหมายที่กรรมการบางคนยังอาจมีข้อสงสัย ก่อนถึงวันประชุมบอร์ด 6 มี.ค. ล่าสุด กกต. ยังไม่ได้แจ้งหนังสือตอบรับมา แต่ไม่ส่งผลต่อการประชุมวันที่ 6 มี.ค. เพราะกรรมการจะพิจารณาด้วยข้อมูลที่มีต่อไปได้ ส่วน กกต.คงไม่จำเป็นต้องส่งผู้แทนมาร่วม เพราะ กคพ.ไม่มีกรรมการสัดส่วนของ กกต. แต่แค่ประสงค์จะเชิญ กกต.มาร่วมหารือประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำให้บางประเด็นกระจ่างขึ้นเท่านั้น โดยวันที่ 6 มี.ค. กคพ.จะเริ่มประชุม กคพ. ครั้งที่ 3/2568 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุม 10-01 ชั้น 10 อาคารกระทรวงยุติธรรม มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ เป็นประธานการประชุม โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคือ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญาและ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน แจ้งลาประชุมเป็นครั้งที่ 2 ให้เหตุผลติดภารกิจราชการ เช่นเดียวกับการประชุมเมื่อวันที่ 25 ก.พ.
อนุ กก.ยันเข้าข่ายอั้งยี่เป็นคดีพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ มีข้อเสนอเห็นควรรับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เพราะเห็นเป็นเอกฉันท์ว่ามีความผิดอาญาเกิดขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 (อั้งยี่) มาตรา 116 (ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ) มาตรา 77 (1) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มีลักษณะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (ก)-(จ) แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 เนื่องจากมีผลกระทบเป็นวงกว้าง ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีต่อประชาชน บอร์ด กคพ.จะมีมติเห็นด้วยหรือไม่อย่างไรเป็นดุลพินิจของกรรมการทั้ง 22 คน
วัดใจ กกต.ขอรับโอนคดีไปทำเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งมาตรา 77 (1) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ไม่ได้ตัดอำนาจหน่วยงานใด เว้นแต่ กกต.จะขอรับโอนเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้งไปดำเนินการเอง หากวันที่ 6 มี.ค. คณะกรรมการ กคพ.มีความเห็นให้รับคดีอาญาอื่นรวมถึงคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งไว้เป็นคดีพิเศษ กกต.จะต้องแจ้งว่า กกต.จะรับเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้งไว้ดำเนินการเอง หรือจะให้ดีเอสไอดำเนินการ ถ้าหากว่า กกต.จะรับไปดำเนินการต้องส่งรายละเอียดคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ กกต.ภายใน 7 วัน
“สนธิญา” กลับลำชงหลักฐานดีเอสไอ
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะ กมธ.กฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาฯ นำเอกสารที่เคยร้อง กกต.เรื่องการฮั้ว สว.ระดับอำเภอ เขตปทุมวัน มามอบให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษประกอบการพิจารณากรณีดีเอสไอเตรียมประชุมบอร์ด กคพ.วันที่ 6 มี.ค. โดยนายสนธิญากล่าวว่า นำเอกสารที่เคยร้อง กกต.ตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.67 กกต.เรียกไปสอบเพียง 2 ครั้ง ยังมีเอกสารแนะนำตัวผู้สมัคร (สว.3) เป็นพยานหลักฐานมามอบให้ดีเอสไอช่วยตรวจสอบอีกทางหนึ่ง เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปว่าเป็นการฮั้ว จัดตั้งหรือบล็อกผลการเลือกให้กับบุคคลหนึ่งบุคคลใด
“ภูมิธรรม” อู้อี้ กกต.เมินสังฆกรรม
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ประธานกรรมการคดีพิเศษ กล่าวสั้นๆถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ร่วมประชุม กคพ.เพื่อพิจารณาคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษในวันที่ 6 มี.ค.ว่า รอให้เกิดขึ้นจริงก่อนค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า กกต.ทำหนังสือชี้แจงตามมาตรา 49 ว่าอำนาจในการตรวจสอบการฮั้วเลือก สว. เป็นของ กกต.ไม่ใช่ดีเอสไอ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่เห็นหนังสือชี้แจงดังกล่าว
“ฉัตรวรรษ” เตือนอย่าทำเกินอำนาจ
เมื่อเวลา 12.00 น. ที่รัฐสภา พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว.ให้สัมภาษณ์ว่า การปกครองของเรามีการถ่วงดุลอำนาจกันอย่างเหมาะสม ฝ่ายใดถูกควบคุมโดยใคร อำนาจหน้าที่แค่ไหนทำไปแค่นั้น อย่าทำเกินเลยไปกว่าที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด ถ้ามีอำนาจหน้าที่ก็ทำไป ไม่เคยไปห้าม แต่อย่าลืมความรับผิดชอบ ทั้งปฏิบัติและละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดด้วย เมื่อถามว่า เมื่อคืนวันที่ 4 มี.ค. กกต.ส่งเอกสารตอบกลับดีเอสไอว่าเป็นอำนาจ กกต. พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า กกต.เขาได้รับอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เขาดำเนินการตามนั้น เมื่อถามอีกว่า ช่วงปิดอภิปรายเมื่อวันที่ 4 มี.ค. สว.ทิ้งท้ายว่าจะเปิดอภิปรายตามมาตรา 153 พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า ยังไม่ได้กล่าวหาว่าเขาผิดตามมาตรา 153 ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์และการกระทำในอนาคต สื่อมวลชนอย่าเพิ่งไปคาดการณ์ ทุกท่านมีอำนาจหน้าที่ เราไม่ไปก้าวก่ายใครทั้งสิ้น แต่ขอรักษาสิทธิ์และชื่อเสียงของการเป็นวุฒิสภา เพราะมีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เราเสียหายต้องตอบโต้บ้างตามกระบวนการกฎหมายให้อำนาจ
เหน็บสารตั้งต้นฟอกเงินแค่ 2.5 พัน
เมื่อถามย้ำว่าที่พูดถึงการเปิดโรงแรม มีคนไปอยู่ร่วมกัน 400 คน หมายถึงอีกกลุ่มหนึ่งทำเหมือนกัน พล.ต.ต.ฉัตรวรรษหัวเราะกล่าวว่า “ผมให้ข้อคิด คุณไปฝันทั้งคืนเลยนะ หวยยังไม่ออก ตีไปต่างๆนานา แต่พอหวยรัฐบาลออกปั๊บท่านทำนายว่าฝันแม่นหมด ฉะนั้นหวยออกแบบที่ท่านฝัน” เมื่อถามว่าดีเอสไออ้างว่าถ้าเข้าข่ายการฟอกเงิน ส่งเป็นคดีพิเศษได้โดยไม่ต้องผ่าน กคพ. พล.ต.ต.ฉัตรวรรษย้อนถามว่า ความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ดีเอสไอมีหน้าที่ดำเนินการได้ สารตั้งต้นการฟอกเงินมีเท่าไหร่ดีเอสไอต้องพิจารณา แต่ข้อเท็จจริงคุณรู้หรือไม่ว่าสารตั้งต้นของ สว.แค่ 2,500 บาทคือค่าสมัครเท่านั้น
“นันทนา” ท้า สว.กล้าพิสูจน์ตัวเอง
เมื่อเวลา 13.00 น.ที่รัฐสภา นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” พร้อมตัวแทนภาคประชาชนเข้ามอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. กรณีจี้หน่วยงานรัฐดำเนินการคดีฮั้วเลือก สว.โดยนายภัทรพงศ์กล่าวว่า ชาวบ้านมาให้กำลังใจ น.ส.นันทนา สว.น้ำดี เหลือน้อยอยู่ในวุฒิสภาขณะนี้ ทำหน้าที่ซื่อสัตย์สุจริตยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ปราศจากการครอบงำของพรรคการเมือง ด้าน น.ส.นันทนากล่าวว่าประชาชนคงได้รับรู้เรื่องราวฮั้วสมยอมในกระบวนการเข้ามาสู่การเป็น สว.แล้ว รอเพียงหน่วยงานรัฐจะดำเนินการให้หายสงสัยว่าที่มา สว.เทาๆ มีหลักฐานหรือพยานอะไรนำไปสู่การตรวจสอบว่าฮั้วกันเข้ามาหรือไม่ ขอเรียกร้องให้ สว.ทั้งหลายเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบทุกคน ไม่มีละเว้น เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าเข้าสู่อำนาจโดยสุจริต โปร่งใส ยุติธรรม
“ทนายอั๋น” กล่าวโทษ สว.สีน้ำเงิน
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายภัทรพงศ์ ศุภักษรหรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ขอให้ดำเนินคดีกลุ่ม สว.สายสีน้ำเงิน กรณี พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. พร้อมคณะ สว.ยื่นหนังสือต่อประธานวุฒิสภา ให้พิจารณาส่งเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และผิดจริยธรรม กรณีกล่าวหาการฮั้วเลือก สว.เข้าข่ายความผิดอั้งยี่และฟอกเงิน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยนายภัทรพงศ์กล่าวว่า มาลงประจำวันไว้ เพื่อนำสู่การตรวจสอบข้อเท็จจริง กล่าวโทษกลุ่ม สว.สายสีน้ำเงินที่ดิ้นกันในสภาฯต่อเนื่องมา ใช้เวทีสภาฟอกขาวให้ตัวเอง กดดันแทรกแซงขู่เข็ญ ป.ป.ช.หรือไม่
ภาค ปชช.บี้ กกต.เอาผิดฮั้วเลือก สว.
วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีตัวแทนกลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญนำโดยนายณัชปกร นามเมือง เครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ นำหลักฐานยื่นถึง กกต.ให้ตรวจสอบการเลือก สว.ปี 67 หลังพบมีข้อพิรุธหลายอย่างตั้งแต่เริ่มสมัคร เชื่อ สว.มาจากการจัดตั้ง จ้างวานให้ลงสมัครเลือกกันเองทุกระดับ โดยเฉพาะรอบเลือกกันเองมีกลุ่ม 8 จังหวัด คะแนนทิ้งห่างจากผู้สมัครส่วนใหญ่ผ่านเข้าสู่รอบเลือกไขว้เกือบทั้งจังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สตูล เลย อำนาจเจริญ ยโสธร สุรินทร์ จังหวัดภายใต้อิทธิพลทางการเมืองของพรรคหนึ่ง เห็นชัดใครเป็นผู้เข้ามาเพื่อโยนคะแนนให้คนอื่น ความผิดปกติดังกล่าวหาก กกต.เก็บข้อมูลความผิดปกติตั้งแต่วันเลือกและรีบตรวจสอบทันที สังคมจะทราบข้อเท็จจริงและยุติข้อกล่าวหาโดยไม่ต้องพึ่งพา
ดีเอสไอ เชื่อว่า กกต.มีข้อมูลกระบวนการเลือก สว.ทั้งหมด หาก กกต.ไม่ทำหน้าที่ ประชาชนต้องพึ่งพาองค์กรอื่นเข้ามาทำแทน เพื่อสืบสวนเปิดเผยข้อเท็จจริง สุดท้าย กกต.อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
“อนุทิน” รับพา “เนวิน” พบ “ทักษิณ”
เมื่อเวลา 10.05 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนำนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ เข้าพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯอยู่ด้วยเมื่อวันที่ 2 มี.ค. โดยนายอนุทินหัวเราะย้อนถามว่า สื่อรู้ได้อย่างไร ไปเป็นเรื่องปกติเป็นประจำอยู่แล้ว ตนเป็นคนชวนนายเนวินไป นัดกันวันหยุดอยู่กันพอดี ได้หารือกันหลายเรื่องแต่ไม่มีอะไรมาก ขอคำแนะนำจากนายทักษิณผู้มีประสบการณ์ แต่รู้กันได้อย่างไร เพราะไม่มีคนอื่น ก่อนย้อนถามสื่ออีกครั้งว่า “ใครหลุดออกมา” เมื่อถามย้ำว่า ยอมรับใช่หรือไม่ว่าได้เดินทางไปบ้านจันทร์ส่องหล้าจริง นายอนุทินถึงกับอุทานว่า “โห่ ผมยืนอยู่ตรงนี้ก็พูดแล้วว่าไปพบกันทุกเดือนเป็นเรื่องปกติ” เมื่อถามอะไรนายทักษิณให้คำแนะนำดีๆเสมอ
แจงไร้มีรอยร้าว ภท.-พท.
เมื่อถามว่าหารือร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์และร่าง พ.ร.บ.พนันออนไลน์หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า คุยกันทุกเรื่อง ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจและนโยบายรัฐบาล แต่ไม่ได้คุยเรื่องจัดแข่งขันโมโตจีพี เรื่องนี้อีกนาน เมื่อถามว่าถือว่าเคลียร์ใจหรือไม่ ที่ผ่านมามีกระแสข่าวรอยร้าวระหว่างพรรค พท.กับพรรค ภท. นายอนุทินตอบว่า ไม่มี เพราะคุยกับนายทักษิณเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่คุยโทรศัพท์ก็คุยไลน์ ไม่เคยมีอะไรที่เป็นปัญหา การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตรงนั้นไม่ต้องพูดหรอก เราเชียร์กันมาตั้งแต่วันดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล วันรุ่งขึ้นนายกฯถูกอภิปรายคนเดียว ออกมาให้ความมั่นใจว่าพรรค ภท.สนับสนุนนายกฯเต็มที่ วันนั้นสมาชิกพรรค ภท.ห้ามลา ห้ามขาด รัฐมนตรีพรรค ภท.ทั้ง 8 คน ต้องอยู่ในสภาฯเตรียมข้อมูลถูกพาดพิงต้องตอบได้ จะไปหวังให้นายกฯตอบคนเดียวไม่ได้ แต่หากประสงค์จะตอบเอง ต้องเตรียมข้อมูลนำเสนอให้นายกฯ เตรียมตัวสนับสนุนนายกฯเต็มที่
“หนู” รับมุกส่งเมสเสจ “อิ๊งค์”
เมื่อถามว่านายกฯบอกว่าได้ส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค นายอนุทินตอบว่า ท่านก็พูดสนุกตลกไปเท่านั้น มีใครกล้าไม่ช่วย เป็นสปิริตอยู่แล้ว แต่จำไม่ได้ ท่านส่งแค่สติกเกอร์ แต่ไม่ได้ขอให้ทุกคนช่วย นายกฯไม่ทำหรอก ใครปล่อยให้นายกฯทำอย่างนั้น คงต้องโทร.ไปบอกให้ท่านยกเลิกข้อความแล้ว มันเป็นหน้าที่ของ ครม. เมื่อถามว่าการอภิปรายนายกฯควรจะกี่วัน นายอนุทินตอบว่า ขออย่ามองเป็นการอภิปรายนายกฯคนเดียว เหมือนรัฐบาลถูกอภิปรายทั้งหมด รัฐบาลคือรัฐมนตรีทุกคน นายกฯไม่มีกระทรวง ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย ก็ดีไม่ได้เห็นท่านในสภาฯมานาน คิดถึง คนระดับท่านพูดอะไรมา ต้องมีน้ำหนัก จะพูดสั้นหรือยาวก็มีน้ำหนัก เมื่อฝ่ายค้านซักฟอกรัฐบาลต้องชี้แจง ถ้าชี้แจงได้ก็รอด แต่ถ้าชี้แจงไม่ได้ก็ไม่รอด ถึงแม้รอดมือที่โหวต แต่ไม่รอดสังคม ดีที่สุดคือต้องชี้แจงให้ได้ นำข้อเท็จจริงออกมาตีแผ่ให้มากที่สุด หน่วยงานที่เรากำกับดูแลทั้ง 4 กระทรวงพร้อมอยู่แล้ว รัฐมนตรีคนไหนไม่พร้อม ตนตัดสินรัฐมนตรีของตนได้ ต้องพร้อม ไม่อยู่ไม่ได้นะ ถ้าไม่อยู่ “one way ticket”
“สมคิด” มั่นใจ “อิ๊งค์” แจงซักฟอกได้
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านระบุรัฐบาลใจแคบที่ให้อภิปรายไม่ไว้วางใจ 1 วันว่า วิป 3 ฝ่ายยังไม่ได้พูดคุยกัน เปรียบเสมือนการขายของคนซื้ออยากได้ของถูก คนขายอยากขายของแพง ส่วนที่หัวหน้าพรรค พปชร.จะลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยเท่าที่เคยเห็น 4 ปีท่านอภิปรายได้แค่ 2 วินาที ขอให้กำลังใจท่าน ขอให้ทีมรอบข้าง รวมถึงเลขาธิการพรรค พยายามให้ข้อมูล พล.อ.ประวิตรเยอะๆ จะได้พูดคุยกับประชาชนได้ ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมตอบคำถาม จากการพูดคุยกับวิปรัฐบาลและ สส.ไม่ได้เตรียมองครักษ์พิทักษ์นายกฯ โดยนายกฯจะตอบมากที่สุด และญัตติที่เขียนมามีเรื่องการครอบงำ ภาวะผู้นำ เชื่อว่านายกฯตอบได้ ไม่ต้องเป็นห่วง
จี้รัฐแก้ ก.ม.คุมต่างชาติเช่าคอนโด
ที่รัฐสภา นายภัณฑิล นวลเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงปัญหาปล่อยเช่าคอนโดรายวันให้ชาวต่างชาติว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนมาตลอด 1 ปีว่ามีชาวต่างชาติมาเช่าคอนโดรายวัน สร้างความเดือดร้อน เช่น จัดปาร์ตี้ ใช้ยาเสพติด กลิ่นกัญชาออกมานอกห้อง ใช้เสียงดังรบกวนซอยนานามีชาวอาหรับมาใช้บริการ รพ.บำรุงราษฎร์จำนวนมาก ญาติมาเช่าคอนโดอยู่แทน มีข้อร้องเรียนย่านนานาปล่อยคอนโดให้ผู้บริการทางเพศเช่า มีหญิงผิวสีขึ้นลงคอนโดจำนวนมาก ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยที่มีคนเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาเข้าไปคอนโดพร้อมผู้ชาย จนผู้อยู่อาศัยในคอนโดขึ้นป้าย “เราไม่ต้องการผู้พักอาศัยรายวัน” เพราะกังวลความปลอดภัย ปัญหาเกิดจาก พ.ร.บ.อาคารชุด กำหนดองค์ประชุมนิติคอนโดน้อยเกินไป แค่เศษ 1 ส่วน 3 ของผู้อาศัย ทำให้คนแค่หยิบมือเดียวกำหนดทิศทางบางอย่างของคนทั้งหมดได้ ถึงเวลาต้องแก้ไขกฎหมายนี้ให้ทุกคนที่มีกรรมสิทธิ์ มีส่วนร่วมกำหนดทิศทางและตัดสินใจร่วมกันได้ การปล่อยเช่าคอนโดรายวันในแอป Airbnb ชาวต่างชาติซื้อห้องชุดมาปล่อยห้องให้เช่าต่อ เงินโอนเข้าแอป กระทรวงดีอีมีแนวทางให้มาขึ้นทะเบียนเก็บภาษีเข้ารัฐหรือไม่ เพราะมาหากินในไทย
“อิ๊งค์” ชูบิ๊กอีเวนต์ชวนท่องเที่ยวไทย
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 5 มี.ค.ตามเวลาท้องถิ่นกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง ที่ Berlin ExpoCenter City น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เข้าร่วมงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวระดับโลก Inter nationale Tourismus Borse หรือ ITB Berlin 2025 เยี่ยมชมคูหาประเทศไทย พบปะผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติจำนวนมาก
เดินชมบูธประเทศต่างๆที่เข้าร่วมงาน
จากนั้นเวลา 12.00 น. น.ส.แพทองธารเป็นประธานงาน Amazing Thailand Networking Event ที่อาคาร City Cube Berlin กล่าวปาฐกถาให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเยอรมนีและทั่วภูมิภาคยุโรปร่วม 300 คน เนื้อหาตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยประกาศให้ปีนี้เป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก กระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบทุกระดับ โดยนำเสนอการท่องเที่ยวผ่าน Soft Power และในงาน ITB Berlin 2025 มีการชูเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัดศักยภาพเข้าสู่เวทีระดับโลก อีกทั้งส่งเสริมกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี จะมีการจัดบิ๊กอีเวนต์หลายงาน ขอเชิญชวนร่วมเทศกาลสงกรานต์ ภายใต้ชื่อ Maha Song kran World Water Festival 2025 รวมไปถึงด้านกีฬาที่สำคัญ ได้แก่ การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลกและซีเกมส์ 2025 ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย 39 ล้านคน สร้างรายได้การท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาทในปี 2568
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/