อิ๊งค์นัดหัวหน้าพรรคร่วมดินเนอร์ รับมือศึกซักฟอก พท.-ปชน.ยังต่อรองเวลา โพลชี้คนรอดูนายกฯ แจง

อิ๊งค์นัดหัวหน้าพรรคร่วมดินเนอร์ รับมือศึกซักฟอก พท.-ปชน.ยังต่อรองเวลา โพลชี้คนรอดูนายกฯ แจง

“สรวงศ์” ขีดเส้นให้เวลาฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง รัฐบาล 7 ชั่วโมง ยันนายกฯพร้อมชี้แจงตามเนื้องาน เผย “แพทองธาร” นัดหัวหน้าพรรคร่วม ดินเนอร์รับศึกไม่ไว้วางใจ พท.เรียกถกเคาะเวลาซักฟอก “วิสุทธิ์” อ้างห้ามปาก สส.ประท้วงไม่ได้ ฝ่ายค้านอยากอภิปรายต้องถอย “โรม” เย้ยนายกฯ หั่นเวลาอภิปราย เพราะกลัวถูกซักฟอกจัด เผื่อเวลาให้เยอะๆ จะได้โชว์ภาวะผู้นำ โพลหนุนฝ่ายค้านยืนยันญัตติซักฟอกเดิม ชี้คนรอฟัง “อิ๊งค์” แจงกลางสภา “ทักษิณ” ประธานทอดผ้าไตรบังสุกุลในพิธีพระราชทานเพลิงศพ “คุณแม่พจนีย์” แกนนำ รบ. บิ๊กข้าราชการ ร่วมอาลัยแน่น

กรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ ตามสูตรจัดเวลาให้ฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล 7 ชั่วโมง รอข้อสรุปในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย วันที่ 19 มี.ค.นี้ ขณะที่นิด้าโพลชี้คนส่วนใหญ่อยากให้พรรคฝ่ายค้านยืนยันญัตติซักฟอกเดิม และรอฟังการชี้แจงของ น.ส.แพทองธาร

“สรวงศ์” ขีดเส้นฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง

เมื่อวันที่ 16 มี.ค. นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรอบเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พรรคฝ่ายค้านยืนยันจะขอ 30 ชั่วโมง และให้ฝ่ายรัฐบาลจัดสรรเวลาชี้แจงเพิ่มต่างหากว่า เราไม่ได้เอาวันหรือเวลาเป็นตัวกำหนด แต่ดูความเหมาะสม ล่าสุดที่คุยกันคือเราขอ 7 ชั่วโมง ให้ฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง เขาก็ไม่ยอม วิป 3 ฝ่ายนัดหารืออีกครั้งวันที่ 19 มี.ค. การที่ฝ่ายค้านพูดออกตัวก่อนทำให้สังคมเข้าใจว่ามีการตกลงกันแล้ว รัฐบาลมาเปลี่ยนทีหลัง ทั้งที่ยังไม่มีการตกลงอะไรกันเลย เหมือนตอนแรกบอกว่าจะใช้เวลาอภิปราย 5 วัน ทั้งที่ควรบอกว่าเขาหวังว่าจะใช้ 30 ชั่วโมง แล้วมาคุยกัน การพูดยืนยันแบบนี้แล้วบอกว่าถอยเรื่องถอนชื่อ ยังไม่เห็นเขาถอยเลย ถึงเวลาไปไม่ได้อย่าบอกถอย เพราะผิดตั้งแต่แรก ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ชัดเจน เป็นการอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะแค่นั้น ไม่มีการเอาคนนอกเข้าไปในญัตติ

“สรวงศ์” ขีดเส้นให้เวลาฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง รัฐบาล 7 ชั่วโมง ยันนายกฯพร้อมชี้แจงตามเนื้องาน เผย “แพทองธาร” นัดหัวหน้าพรรคร่วม ดินเนอร์รับศึกไม่ไว้วางใจ พท.เรียกถกเคาะเวลาซักฟอก “วิสุทธิ์” อ้างห้ามปาก สส.ประท้วงไม่ได้ ฝ่ายค้านอยากอภิปรายต้องถอย “โรม” เย้ยนายกฯ หั่นเวลาอภิปราย เพราะกลัวถูกซักฟอกจัด เผื่อเวลาให้เยอะๆ จะได้โชว์ภาวะผู้นำ โพลหนุนฝ่ายค้านยืนยันญัตติซักฟอกเดิม ชี้คนรอฟัง “อิ๊งค์” แจงกลางสภา “ทักษิณ” ประธานทอดผ้าไตรบังสุกุลในพิธีพระราชทานเพลิงศพ “คุณแม่พจนีย์” แกนนำ รบ. บิ๊กข้าราชการ ร่วมอาลัยแน่น

กรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ ตามสูตรจัดเวลาให้ฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล 7 ชั่วโมง รอข้อสรุปในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย วันที่ 19 มี.ค.นี้ ขณะที่นิด้าโพลชี้คนส่วนใหญ่อยากให้พรรคฝ่ายค้านยืนยันญัตติซักฟอกเดิม และรอฟังการชี้แจงของ น.ส.แพทองธาร

“สรวงศ์” ขีดเส้นฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง

เมื่อวันที่ 16 มี.ค. นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรอบเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พรรคฝ่ายค้านยืนยันจะขอ 30 ชั่วโมง และให้ฝ่ายรัฐบาลจัดสรรเวลาชี้แจงเพิ่มต่างหากว่า เราไม่ได้เอาวันหรือเวลาเป็นตัวกำหนด แต่ดูความเหมาะสม ล่าสุดที่คุยกันคือเราขอ 7 ชั่วโมง ให้ฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง เขาก็ไม่ยอม วิป 3 ฝ่ายนัดหารืออีกครั้งวันที่ 19 มี.ค. การที่ฝ่ายค้านพูดออกตัวก่อนทำให้สังคมเข้าใจว่ามีการตกลงกันแล้ว รัฐบาลมาเปลี่ยนทีหลัง ทั้งที่ยังไม่มีการตกลงอะไรกันเลย เหมือนตอนแรกบอกว่าจะใช้เวลาอภิปราย 5 วัน ทั้งที่ควรบอกว่าเขาหวังว่าจะใช้ 30 ชั่วโมง แล้วมาคุยกัน การพูดยืนยันแบบนี้แล้วบอกว่าถอยเรื่องถอนชื่อ ยังไม่เห็นเขาถอยเลย ถึงเวลาไปไม่ได้อย่าบอกถอย เพราะผิดตั้งแต่แรก ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ชัดเจน เป็นการอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะแค่นั้น ไม่มีการเอาคนนอกเข้าไปในญัตติ

ADVERTISEMENT

Tech stock video 3 5Feb25
Tech stock video 3 5Feb25

javascript:false

javascript:false

javascript:false

javascript:false

javascript:false

นายกฯพร้อมชี้แจงตามเนื้องาน

นายสรวงศ์กล่าวอีกว่า เชื่อว่าเขารู้อยู่แล้วแต่เจตนาทำแบบนี้ แต่เมื่อยอมถอนชื่อออกก็จบไม่มีอะไร แต่พอมาพูดเรื่องเวลา การเจรจา 3 ฝ่าย เราต้องถามกลับไปเหมือนเดิมว่าต้องการอะไร ถ้าจะสร้างวาทกรรมคงได้สร้างในที่ประชุม พูดถึงคนนอกเขาต้องรับผิดชอบเอง ส่วนอภิปรายอย่างไรต้องดูเนื้อหา ในส่วนของรัฐบาลมีความพร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมชี้แจงในเนื้องานของแต่ละกระทรวง เพราะผ่านตาหมด แต่ถ้าลงรายละเอียดอาจมอบให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงชี้แจงแทน เพราะสามารถลงรายละเอียดได้มากกว่า แต่ถ้าอภิปรายไปถึงคนนอก ถือว่าทำผิดข้อบังคับ เป็นหน้าที่ สส.ที่ต้องประท้วง เพื่อให้การอภิปรายเป็นไปตามข้อบังคับ

นัดพรรคร่วมดินเนอร์รับศึกอภิปราย

นายสรวงศ์ยังกล่าวอีกว่า วันที่ 21 มี.ค.นี้ นายกฯเตรียมนัดพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานอาหารค่ำก่อนการอภิปรายจะเริ่มขึ้น รอบนี้ไม่แน่ใจว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นเจ้าภาพหรือไม่ ส่วนสถานที่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง คาดว่าจะมีการหารือเรื่องการรับมือการอภิปรายฯของฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การนัดรับประทานอาหารค่ำของพรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้ นายกฯจะร่วมกินข้าวกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น ถือเป็นวงเล็ก และเป็นนัดพิเศษก่อนรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยพรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นเจ้าภาพ และกำหนดสถานที่เบื้องต้นไว้ที่โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ

พท.เรียกถกเคาะเวลาศึกซักฟอก

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า วันที่ 18 มี.ค. มีการประชุมพรรคเพื่อไทยหารือกรอบเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ให้เกิดความชัดเจนว่าควรใช้เวลาเท่าใด ส่วนการให้เวลาฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง และฝ่ายรัฐบาล 7 ชั่วโมงนั้น ต้องรอดูว่าที่ประชุมพรรคเพื่อไทยจะเห็นว่าอย่างไร แต่ถ้าจะให้เวลาฝ่ายค้านอภิปรายถึง 30 ชั่วโมง ใช้เวลา 3 วัน ลงมติอีก 1 วัน เป็นเวลาที่มากเกินไป จะพูดอะไรฝ่ายเดียว 30 ชั่วโมง แค่อภิปรายนายกฯคนเดียว จากกรอบเวลา 30 ชั่วโมง เต็มที่คงให้ฝ่ายค้านได้แค่ 23 ชั่วโมงเท่านั้น

คงห้ามปาก สส.ลุกประท้วงไม่ได้

นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ส่วนที่ฝ่ายค้านยอมตัดชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังไม่ทราบว่าเปลี่ยนไปใช้คำว่าอะไร เมื่อเปลี่ยนคำแล้วขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะอนุญาตหรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามว่าหากฝ่ายค้านถอดชื่อนายทักษิณออกจากญัตติ เปลี่ยนไปใช้คำอื่น เช่น พ่อนายกฯ ยืนยันได้หรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ประท้วง นายวิสุทธิ์ตอบว่า ถ้าเรายิ่งประท้วงก็ยิ่งเสียเวลาอภิปรายของฝ่ายรัฐบาลที่มีอยู่น้อยอยู่แล้ว จะพยายามหลีกเลี่ยงการประท้วงให้มากที่สุด การประท้วงต้องดูว่าคำพูดนั้นสร้างความเสียหายให้คนนอกหรือไม่ เพราะบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงไม่สามารถมาชี้แจงได้ในสภา ถ้าเข้ามาตอบได้คงไม่เป็นไร หากประธานไม่ทักท้วง เราก็ต้องทักท้วงบ้าง เพราะเขาไม่สามารถมาชี้แจงได้ ส่วนตัวแม้อยากให้ประท้วงน้อยที่สุด แต่คงไปห้ามปาก สส.คนอื่นไม่ให้ประท้วงไม่ได้

ฝ่ายค้านอยากอภิปรายต้องถอย

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เรื่องกรอบเวลาอภิปรายรัฐบาลใจกว้างและยอมถอยสุดๆแล้ว เหลือแต่ฝ่ายค้าน ถ้าตกลงกันได้การอภิปรายก็สามารถเดินหน้าได้ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้การกำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจล่าช้า หรืออาจไม่ทันสมัยประชุมนี้ที่จะปิดวันที่ 10 เม.ย. ตามที่ฝ่ายค้านขอเวลา 30 ชั่วโมง รวม 3 วัน ไม่รวมลงมติอีก 1 วันนั้น มากเกินไปไม่สมเหตุสมผล ที่รัฐบาลให้ฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล 7 ชั่วโมง ถือว่าถอยสุดๆ ถ้าฝ่ายค้านไม่ยอมคงไม่สามารถตกลงกันได้ ถ้าการอภิปรายเกิดขึ้นไม่ได้รัฐบาลก็ไม่ได้เดือดร้อน ต้องถามฝ่ายค้านว่ามีข้อมูลเด็ดหรือมีความพร้อมที่จะอภิปรายนายกฯจริงหรือไม่ เก่งไม่กลัว กลัวช้า ฝ่ายค้านต้องรีบหาข้อสรุปเพื่อให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจเดินหน้า

แซะ “เท้ง” พูดเอาเท่คุณสมบัติ สส.

นายอนุสรณ์ยังกล่าวถึงกรณีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ระบุว่าคุณสมบัติของผู้ลงสมัคร สส.ของพรรค ปชน. ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าปี 2570 ต้องมีคุณสมบัติ “3 ไม่” คือ ไม่รับเงินทอน ไม่ทำงานการเมืองสืบสายเลือดและไม่ยอมจำนน ว่า ถือเป็นสิทธินายณัฐพงษ์ ที่จะประกาศคุณสมบัติผู้สมัคร หรือประกาศแนวทางการคัดเลือกผู้สมัครของพรรค ปชน. ส่วนจะทำได้หรือไม่ประชาชนต้องติดตาม แต่ต้องระวังว่า 3 ไม่ที่ว่า อาจไม่เกิด หากมีอีก 2 ไม่คือ ไม่เป็นไปตามที่ประกาศ และไม่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน เรื่องรับเงินทอนเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว แต่นอกเหนือจากคุณสมบัติแล้วสิ่งที่ประชาชนอยากทราบคือแนวนโยบายที่ตอบโจทย์ปัญหาประเทศของแต่ละพรรค มีอะไรบ้าง ประเทศชาติและประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร ประชาชนไม่ได้ตื่นเต้นกับการประกาศที่ดูเหมือนเท่ แต่ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรหรือทำได้จริงหรือไม่ แต่อยากรู้ว่านโยบายเพื่อการพัฒนาประเทศในการเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร

“โรม” เย้ยนายกฯกลัวถูกซักฟอกจัด

ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) และวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการเจรจากรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เชื่อว่าการประชุมวิป 3 ฝ่าย ในวันที่ 19 มี.ค. จะสามารถหาข้อสรุปได้ แต่คงต้องอยู่ที่ฝ่ายรัฐบาลด้วย เพราะทราบดีว่าเราต้องการอะไร หากอยากให้ทุกอย่างเดินต่อได้ คิดว่าควรต้องมีข้อสรุป เวทีนี้เป็นเวทีของฝ่ายค้าน เราอยากได้เวลาในการอภิปรายเต็มที่ เราอยากให้รัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีตอบข้อชี้แจงต่างๆในประเด็นที่ฝ่ายค้านกล่าวหาที่มากเพียงพอ จะเป็นผลดีต่อฝ่ายรัฐบาลเอง หากรัฐบาลเชื่อว่าตัวเองมีผลงานเยอะ โดยเฉพาะนายกฯ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าเวลาในการอภิปรายจะเยอะเกินไป หากนายกฯเป็นคนที่ทำงานได้ดี สามารถตอบชี้แจงในสภาฯได้อยู่แล้ว เมื่อถามว่าเบื้องต้นยังยืนยันว่าฝ่ายค้านจะขอเวลา 30 ชั่วโมงใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ตอบว่า เรายืนยันเหมือนเดิม แต่ขั้นแรกก่อนจะคุยกันเรื่องจำนวนชั่วโมง เรายืนยันว่าไม่ควรนำแนวคิดเรื่องกรอบเวลาสองวันมาวางก่อน เพราะไม่ได้ตอบอะไรเลย หรือว่ารัฐบาลไม่มีผลงานเพียงพอที่จะชี้แจงข้อกล่าวหา จึงไม่ต้องการเวลาเยอะใช่หรือไม่

เผื่อเวลาให้เยอะๆโชว์ภาวะผู้นำ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล เสนอสูตร 23+7 คือฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง และฝ่ายรัฐบาล 7 ชั่วโมง เป็นไปได้มากน้อยเพียงใด นายรังสิมันต์ย้อนถามว่า ตกลงนี่คือเวทีของใคร ฝ่ายค้านรู้ดีที่สุดว่าเราต้องการเวลาเท่าไหร่ เราพยายามเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้นายกฯมีเวลาชี้แจงเยอะๆ อยากเห็นนายกฯ แสดงความเป็นผู้นำในสภาฯ เชื่อว่าประชาชนจำนวนมากอยากเห็นการแสดงข้อมูลหักล้างข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน และไม่ได้ใช้เวลาเยอะแบบเจ็ดวันเจ็ดคืนอยู่แล้ว แต่อยู่ในระดับที่เหมาะสม คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อนายกฯ ต่อประชาชน และต่อการทำงานของสภาฯ ยืนยันว่าคนที่จะตอบได้ว่าเวลาที่เพียงพอเป็นเท่าไหร่ ไม่ใช่นายวิสุทธิ์ที่ทำหน้าที่ประธานวิปรัฐบาล เมื่อถามถึงความคืบหน้าการแก้ไขคำในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายรังสิมันต์ตอบว่า ขอให้อดใจรออีกนิด คงมีการเปิดเผยในไม่ช้า เมื่อถามย้ำว่าจะเป็นสัปดาห์หน้าเลย
หรือไม่ นายรังสิมันต์ตอบว่า น่าจะราวๆนั้น ไม่ช้าหรอก เบื้องต้นอาจมีเรื่องของเงื่อนเวลา ที่อยู่ระหว่างการประสานงานด้านธุรการต่างๆ

โพลชี้คนรอฟัง “อิ๊งค์” แจงฝ่ายค้าน

วันเดียวกัน นิด้าโพลเปิดผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป รวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 11-13 มี.ค. เรื่อง “จะได้อภิปรายแค่ไหน” เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในสภาฯ จากการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ พบว่า 49.08% มองว่าจะมีความวุ่นวายบ้าง 26.26% ไม่มีความวุ่นวายเลย 24.66% ระบุว่าจะมีความวุ่นวายมาก โดยกลุ่มที่เห็นว่าจะมีความวุ่นวายมาก และมีความวุ่นวายบ้าง (จำนวน 966 หน่วยตัวอย่าง) เชื่อว่าประธานในที่ประชุมจะควบคุมสถานการณ์ได้ รองลงมาเห็นว่าอาจต้องพักการประชุมบ่อยครั้ง มีการประท้วงกันจนการอภิปรายไปต่อไม่ได้ อาจมีประท้วงด้วยการเดินออกจากห้องประชุม นอกจากนี้ส่วนใหญ่ 66.79% ฝ่ายค้านจะมีข้อมูลสำคัญในการอภิปราย แต่ไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ รองลงมา 19.31% มองว่าไม่มีข้อมูลสำคัญและไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ มี 11.30% ที่เห็นว่ามีข้อมูลสำคัญถึงขั้นล้มรัฐบาลได้ ส่วนเงื่อนไขรัฐบาลที่ให้ถอนชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกจากญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พบว่าส่วนใหญ่ 37.48% ขอให้ฝ่ายค้านควรยืนยันตามญัตติเดิม และรอจนกว่าประธานสภาฯ ยอมบรรจุในวาระการประชุม 32.44% เห็นว่าฝ่ายค้านควรทำตามข้อเสนอเพื่อจะได้เปิดอภิปรายได้ ทั้งนี้ ส่วนใหญ่มองว่าการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจยังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิม เมื่อถามถึงนักการเมืองที่ประชาชนสนใจรับฟังในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ส่วนใหญ่ 41.99% เป็น น.ส.แพทองธาร รองลงมา 34.35% นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน 11.83% พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

จี้เร่งแก้ปากท้อง-สินค้าแพงด่วน

ส่วนสวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชน จำนวน 1,264 คน เรื่อง “ปัญหาเร่งด่วนของคนไทย ณ วันนี้” ระหว่างวันที่ 11-14 มี.ค. พบว่าร้อยละ 72.55 มองว่าปัญหาเร่งด่วนที่อยากให้รัฐบาลแก้ไขมากที่สุดคือ ปัญหาค่าครองชีพ ราคาสินค้า และส่วนใหญ่ร้อยละ 68.80 ไม่คิดว่าจะแก้ปัญหานี้ได้สำเร็จ ส่วนปัญหาที่พบในช่วงรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนใหญ่ร้อยละ 43.75 มองว่า ปัญหายังมีเหมือนเดิม ยังไม่เห็นการแก้ไขที่ชัดเจน เช่น ทุจริตคอร์รัปชัน ปัญหาการเมือง เมื่อถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการแจกเงิน 1 หมื่นบาทในกลุ่มวัยรุ่น ร้อยละ 34.18 มองว่าพอจะช่วยได้บ้าง ที่อาจกระตุ้นในช่วงสั้นๆ แต่ไม่ส่งผลระยะยาว

ชอบสุดแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต

ขณะที่นอร์ทกรุงเทพโพลเปิดผลสำรวจความเห็นประชาชน 1,500 คนจากทั่วทุกภูมิภาค หัวข้อ “ประเมินผลงานรัฐบาล แพทองธาร รอบ 6 เดือน” ถึงความพึงพอใจต่อผลงานการบริหารประเทศของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พบว่าส่วนใหญ่พึงพอใจ 52.7% แบ่งเป็นพอใจมาก 21.2% พอใจ 31.5% ไม่พอใจ 29.8% ไม่พอใจมาก 11.5% ผลงานที่ชื่นชอบมากที่สุดคือ ดิจิทัลวอลเล็ต รองลงมา ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปราบปรามยาเสพติด การจัดการน้ำท่วม-น้ำแล้ง 30 บาทรักษาทุกที่ ฯลฯ สำหรับกระทรวงที่ผู้ให้สำรวจเห็นว่ามีผลงานโดดเด่นมากที่สุด เรียงลำดับจากมากไปน้อย ได้แก่ กระทรวงคมนาคม กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นายกฯขอบคุณผลโพลคนพอใจ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯแสดงความขอบคุณทุกความคิดเห็น พร้อมย้ำว่าแคมเปญ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ที่ประกาศไว้สามารถทำได้จริง ประชาชนรับประโยชน์ได้จริง นายกฯทำหน้าที่บริหารประเทศมา 6 เดือน มีผลสำเร็จเป็นรูปธรรมหลายโครงการ และเป็นที่ชื่นชอบ สอดคล้องกับผลโพลฯ อาทิ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปราบปรามยาเสพติด รัฐบาลพร้อมรับฟังความคิดเห็นทั้งคำชมหรือข้อแนะนำ และจะนำไปปรับปรุงแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เศรษฐกิจของประเทศมีเสถียรภาพ

“นฤมล” ไม่เสียกำลังใจลุยงานต่อ

ที่วิทยาลัยเทคนิคหนองคาย แห่งที่ 2 ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.หนองคาย ช่วงฤดูแล้ง พร้อมมอบโฉนดเพื่อการเกษตร 100 ราย ปัจจัยการผลิต อาทิ เมล็ดพันธุ์ข้าว 1,300 ตัน พันธุ์ปลา หญ้าแพงโกล่าแห้ง ถุงยังชีพปศุสัตว์ และเครื่องมืออุปกรณ์ทอผ้าไหม นางนฤมลกล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯเร่งรัดหลายนโยบาย เช่น แจกโฉนดเพื่อการเกษตร ปี 2568 ตั้งเป้าให้ครบ 22 ล้านไร่ ออกโฉนดต้นยางให้กับเกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิถูกต้อง 11.17 ล้านไร่ และโฉนดต้นไม้ สร้างมูลค่าให้ต้นไม้ที่ปลูกอยู่บนที่ดินส่วนตัวเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันขอสินเชื่อ ธ.ก.ส. นำไปลงทุนต่อยอด เตรียมคิกออฟโครงการวันที่ 1 เม.ย. และกำลังเดินหน้าจัดตั้งศูนย์ข้าวชุมชน ให้ผู้ปลูกข้าวมีส่วนร่วมบริหารจัดการผลิตข้าวด้วยตนเอง ปัจจุบันมีแล้ว 4,985 แห่ง ทำให้เกิดพันธุ์ข้าวที่ดีเหมาะกับพื้นที่ ส่วนผลโพลที่ระบุว่ากระทรวงเกษตรฯมีผลงานอยู่อันดับรั้งท้าย ถือเป็นการสะท้อนการทำงานที่เราต้องนำมาปรับ เราลงพื้นที่ต่อเนื่องและจะทำต่อไป เพื่อทำความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้น ยืนยันไม่เสียกำลังใจ และพร้อมทำงานอย่างเต็มที่ให้แก่พี่น้องเกษตรกรต่อไป

วิปวุฒิดูหน้างานโหวตส่งศาล รธน.

วันเดียวกัน นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. โฆษกวิปวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมรัฐสภา วันที่ 17 มี.ค. มีวาระพิจารณาญัตติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ ของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาวิปวุฒิสภาไม่ได้นัดประชุมจึงไม่มีแนวทางใดๆ ต่อการพิจารณาหรือการลงมติของ สว. เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันหน้างาน ความเห็นส่วนตัวในเรื่องญัตติที่ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ขอยืนยันมติที่โหวตไปเมื่อรอบที่แล้ว คือให้เดินหน้าพิจารณาตามที่กำหนดไว้ในระเบียบการประชุม ส่วนกรณีที่นายวิสุทธิ์เสนอญัตติเข้ามาเพิ่ม เป็นสิทธิในฐานะ สส.ที่ทำได้ แต่ถ้าถามตนยังยืนยันให้เดินหน้าพิจารณาไปตามระเบียบวาระ

ย้ำควรเดินหน้าตามระเบียบวาระ

เมื่อถามว่ารอบที่ผ่านมาที่ประชุมรัฐสภาเดินหน้าพิจารณาญัตติพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และเพิ่มเติมหมวด 15/1 ให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว การเสนอญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์และนายวิสุทธิ์แทรกเข้ามา ทำได้หรือไม่ตามข้อบังคับ นายพิสิษฐ์ตอบว่า ยืนยันให้เดินหน้าตามระเบียบวาระต่อ และหากมั่นใจว่าการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และเพิ่มหมวดใหม่ ทำได้ไม่ผิด ควรเดินหน้าประชุมต่อการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 ทำได้ แต่การเพิ่มหมวดใหม่ขึ้นมา เพื่อให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทำไม่ได้

พระราชทานเพลิง “คุณแม่พจนีย์”

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม ครอบครัวดามาพงศ์ และครอบครัวชินวัตร นำโดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ทำพิธีสวดมาติกาบังสุกุล และถวายเพล คุณแม่พจนีย์ ณ ป้อมเพชร โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายพานทองแท้ ชินวัตร น.ส. พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พร้อมครอบครัวของ ทั้ง 3 คน ครอบครัวดามาพงศ์ บุคคลใกล้ชิด และบุคคลสำคัญในแวดวงการเมือง เข้าร่วม จากนั้นเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง และกระทรวงวัฒนธรรม เชิญหีบทองลายสลัก และเครื่องประกอบเกียรติยศ เวียนรอบเมรุ 3 รอบ และเชิญขึ้นตั้งบนจิตกาธาน จากนั้น น.ส.แพทองธารกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานเพลิงศพ และกล่าวประวัติคุณยายพจนีย์ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือบางจังหวะ

แกนนำ รบ.ร่วมอาลัยครั้งสุดท้าย

ต่อมาเวลา 17.00 น. นายทักษิณเป็นประธานทอดผ้าไตรบังสุกุล จำนวน 5 ไตร และเป็นประธานในพิธี พระราชทานเพลิงศพคุณแม่พจนีย์ ทั้งนี้ นายทักษิณเขียนคำอาลัยถึงคุณแม่พจนีย์ว่า “ได้รู้จักคุณแม่เมื่อปี 2513 ตอนผมได้มาเจอกับลูกสาวคุณแม่ (คุณหญิงอ้อ) แต่จังหวะไม่ดีที่มาทราบว่าคุณแม่ป่วยหนัก ตอนผม ต้องมาลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ คุณแม่โชคดีมากถึงแม้จะมีลูกสาวเพียงคนเดียว แต่ก็ดูแลคุณแม่เป็นอย่างดีตั้งแต่ป่วยติดเตียงมาถึง 10 ปี ลูกคนหนึ่งจะทำให้แม่ได้ขนาดนี้ แม่ก็รับรู้มาตลอด ขอให้ดวงวิญญาณคุณแม่จงไปสถิตในสัมปรายภพด้วยเถิด” ระหว่างถวายผ้าไตรนายทักษิณมีน้ำตาคลอ สำหรับประวัติคุณแม่พจนีย์ สมรสกับ พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ มีบุตรธิดา 4 คน คือ นายพงษ์เพชร, พล.ต.อ.เพรียวพันธ์, นายพีระพงศ์ และคุณหญิงพจมาน ขณะที่ภายในงานมีบรรดารัฐมนตรี แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล สส. ข้าราชการ และภาคธุรกิจชั้นนำ เข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว. กลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา

“จิรายุ” แจงกำหนดเยี่ยมชาวอุยกูร์

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 18-20 มี.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะนำคณะและสื่อมวลชน 9 คน เดินทางไปยังมณฑลซินเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน และมีกำหนด เข้าเยี่ยมชาวจีนอุยกูร์ที่เมืองคาซือ มณฑลซินเจียง และรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันพร้อมกับผู้นำท้องถิ่น วันที่ 20 มี.ค. จะเข้าเยี่ยมชมศูนย์บังคับใช้กฎหมายและการจัดการคดีของสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ ที่เมืองคาซือ จากนั้นเดินทางไปที่มัสยิดอิดกะห์ (Id Kah) พูดคุยสนทนากับผู้นำศาสนา การไปครั้งนี้เพื่อทำความจริงให้ปรากฏในข้อกังวลของนานาอารยประเทศ และให้เข้าใจประเทศ ไทยถึงการแก้ไขปัญหา ซึ่งรัฐบาลไทยได้ดำเนินการตรงไปตรงมา และมีข้อตกลงสำคัญต่อรัฐบาลของ 2 ประเทศ ที่ต้องคืนชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีในยุคโลกปัจจุบัน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและมีสิทธิเสรีภาพ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากถึงขั้นตอนการตรวจสอบรายละเอียดนานหลายเดือนก่อนส่งชาวจีนอุยกูร์กลับสู่มาตุภูมิ เพื่อให้มั่นใจว่าต้องได้รับความปลอดภัย และเป็นไปตามสิทธิมนุษยชน และการเดินทางครั้งนี้เป็นเพียงครั้งแรก รัฐบาลไทยจะเดินทางไปอีกเป็นระยะๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนานาอารยประเทศต่อไป

ซัดเดือดใช้ไทยเป็นแพะบูชายัญ

นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องที่ไทยส่งตัวชาวจีนอุยกูร์ 40 คน กลับจีน ไม่ว่าเลือกทางไหนก็มีผลกระทบมหาศาลมีราคาที่ต้องจ่าย น่าเสียใจที่เพื่อนของเราบางประเทศไม่เข้าใจ เลือกประณามเราง่ายๆ บางทีก็ทำเพียงได้แสดงว่าฉันเป็นคนดี แล้วไปหาคนอื่นมาเป็นแพะ เพื่อสังเวยกลบเกลื่อนต่อมมโนธรรมของตนเอง มีประเทศหนึ่งบอกว่าขออย่าส่งตัวชาวจีนอุยกูร์กลับไปให้จีน แต่ไม่ได้บอกว่าจะรับคนเหล่านั้นไปอยู่ด้วยเอง เสนอจะให้เอาไปอยู่ในประเทศหนึ่งในแอฟริกา ทั้งที่ยังมีความขัดแย้งสู้รบ และก่อการร้ายอยู่เลย ถามว่านี่คือมนุษยธรรมแค่ไหน หรือเป็นเพียงแค่การเล่นเกมในความขัดแย้งของภูมิรัฐศาสตร์ของบางประเทศแค่นั้น ขณะที่หลายประเทศบอกไม่เชื่อในคำมั่นของจีน แต่ยังคงมีปฏิสัมพันธ์คบค้าทำธุรกิจกับเขา แปลกใจที่คนไม่น้อย รวมทั้งนักสิทธิมนุษยชนบางคนกลับเห็นด้วยว่าเราควรกักขังเขาต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทางออกที่ดีกว่ามาเสนอ

ที่มา ไทยรัฐ

ผู้นำเสนอข่าว

yoko

Written by:

3,971 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *