“อนุทิน” สั่งไฟฟ้า-ประปา เยียวยาขั้นสูงสุดพื้นที่น้ำท่วม-จับมือ อว. ตั้งวอร์รูมพรุ่งนี้

“รองนายกฯ อนุทิน” สั่งการรัฐวิสาหกิจไฟฟ้า-ประปา สังกัดมหาดไทยจัดมาตรการเยียวยาขั้นสูง ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม ซ่อมแซมระบบให้เข้าที่ก่อนจ่ายไฟ จับมือ อว. ตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์อุทกภัยพรุ่งนี้

วันที่ 14 ก.ย. 2567 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าว่า พร้อมกับการเฝ้าบัญชาการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยระดมสรรพกำลังจากทุกช่องทางเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อุทกภัยภาคเหนือและภาคอีสานตอนบนแล้ว ล่าสุดวันนี้ (14 ก.ย. 67) ระหว่างการลงพื้นที่ติดตามให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ จ.หนองคาย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้มีข้อสั่งการไปยังรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่รับผิดชอบดูแลสาธารณูปโภคชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ได้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ให้จัดทำชุดมาตรการเพื่อช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูประชาชนทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

“ท่านอนุทิน ได้สั่งการให้ กฟภ. กปภ. พิจารณาจัดทำมาตรการที่จะช่วยเยียวยาพี่น้องประชาชน อาทิ การผ่อนผันจัดเก็บค่าไฟฟ้าให้ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบภัยน้ำท่วม หากจะทำจะมีแนวดำเนินการอย่างไร ให้จัดเป็นมาตรการช่วยเหลือขั้นสูงสุดหรือขั้นพิเศษ และท่านจะรายงานให้ ครม. ทราบถึงการช่วยเหลือจากกระทรวงมหาดไทยต่อไป” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายอนุทิน ยังมีข้อห่วงใยเกี่ยวกับความปลอดภัยของประชาชนในการใช้สาธารณูปโภคต่าง ๆ ในช่วงน้ำท่วม โดยเฉพาะเรื่องของไฟฟ้าที่หากไม่ระมัดระวังให้ดี โครงสร้างพื้นฐาน ระบบสายส่งต่าง ๆ เกิดการชำรุดอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ใช้งาน จึงได้กำชับให้ทางการไฟฟ้า การประปาให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าซ่อมแซมระบบต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมให้มีความมั่นคงก่อนจ่ายกระแสไฟ หากประชาชนร้องขอให้เข้าช่วยดูแลซ่อมแซมระบบก็ขอให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าสนับสนุนอย่างรวดเร็ว พร้อมกำชับให้คำนึงถึงความปลอดภัยในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อยู่เสมอ

โฆษกกระทรวงมหาดไทย ยังกล่าวอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ก.ย.) กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จะจัดตั้งวอร์รูม (War Room) เพื่อทำการสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงต่ออุทกภัย ทั้งการคาดการณ์ การแจ้งเตือน เพื่อให้ทั้งผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่และประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน เตรียมการรับมือและเผชิญเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นข้อมูลไปในทิศทางเดียวกัน